วันพุธที่ 21 ธันวาคม พ.ศ. 2554

3 ทำเลทอง ของการทำ SEO จับจองด่วน

ในการทำอันดับกับ Search Engine โดยเฉพาะ อาร์ตตัวแม่อย่าง Google นั้น เป็นที่ทราบดีกันอยู่แล้วว่าทำเลทองอย่าง เขายายเที่ยง เอ้ยไม่ใช่ !!! Description Meta Tag,Keyword Meta Tag นั้นได้ถูกลดบทบาทความสำคัญลงไปมาก ถึงมากที่สุด เรียกว่าจากถนน
ทำเลทองของการทำ SEO
ทำเลทองของการทำ SEO
สีลมกลายเป็นสลัมคลองเตยก็ว่าได้
วันนี้ผมเลยเอาทำเลทองที่ใหม่มาแนะนำกัน เป็นทำเลทองที่คุณ nayjoty แห่ง Thaiseoboard ได้นำมาเปิดเผยไว้ และจากการทดลองที่ผมเคยทำ ๆ มามันดันไปตรงกันพอดีเป๊ะ เลยขออนุญาติแกเอามาเีขียนประดับบล๊อกให้เพื่อน ๆ ได้อ่านกัน
3 ทำเลทองที่ว่านี่ก็คือ
  1. Title
  2. Content
  3. Foder Name หรือ Page Name
วิธีการยึดครองก็ง่ายพอ ๆ กับทำรัฐประหารเมืองไทยเลยครับ (บทความนี้เป็นไรเนี่ย รู้สึกเอียง ๆ ยังไงไม่รู้เ) เพียงจับ Keywordที่คุณต้องการทำอันดับในหน้า Web Page นั้น ๆ ไปว่างไว้ใน Title Tag หรือถ้าเป็น WordPress ก็แอบหยอดไว้ในชื่อเรื่องเลยครับ
หลังจากนั้นก็เอา่ Keyword ตัวเดิมที่ต้องการทำอันดับไปวางเกะกะ แอบ ๆ ยัดไว้ในเนื้อหาให้ Bot มันเดินมาสะดุด สักสองสามที่ ผมแนะนำบน ๆ นะครับประมาณบรรทัดที่ 2 หรือ 3 เนื่องจาก Bot ของ Search Engine มันจะอ่านจากบนลงล่าง ซ้ายมาขวาครับ
สำหรับชื่อโฟลเดอร์หรือ Page Name นั้นก็ตั้งให้มันมี Keyword แอบอยู่ด้วย รวมไปถึงชื่อรูปภาพ Alt Tag ของรูปก็ควรให้มีด้วย สามส่วน บน = Title กลาง = Content ล่าง = ชื่อ Folder ชื่อรูปภาพ (เรียกทราฟฟิคดีนักแล) แล้วรอดูผลเลยครับ
เจ้าของไอเดียเค้าบอกว่า ได้ผลดีมาก ๆ สำหรับคีย์เวิร์ดที่มีคู่แข่งน้อย ๆ และ คีย์เวิร์ดนั้นมีภาษาไทยปนอยู่ด้วย
เอาไปปรับแต่งและ่จับจองตำแหน่งทำเลทองกันได้เลยครับ
ปล.รูปภาพเป็นตัวอย่างการวางคีย์เวิร์ดครับ รับรองว่าแจ่ม

วิธีติดตั้ง WordPress Mu ภาค2

หลังจากเมื่อวานเราอัพโหลดไฟล์ขึ้นโฮสเสร็จ เรียบร้อยแล้ว ก็มาถึงขั้นตอนการติดตั้งเจ้าตัว WordPress Mu เสียที การติดตั้ง WordPress Mu ไม่ได้มีอะไรยากไปกว่าการติดตั้ง WordPress Original เลยขั้นตอนการทำงานคล้าย ๆ กันคือ
  • อัพโหลดไฟล์ขึ้นโฮส
  • สร้าง หรือจัดการ ฐานข้อมูล
  • ติดตั้ง
เราเริ่มขั้นตอนการติดตั้ง WordPress Mu กันเสียทีเถอะ แต่ก่อนอื่น (แฮ่ ๆ มีแต่!!) เราจำเป็นต้องสร้างฐานข้อมูล และ Account ที่มีสิทธิ์เข้าใช้งานฐานข้อมูลเสียก่อน (ในกรณีที่ไม่ใช่ระบบ cPanel) ก่อนอื่นให้เราไปที่หน้า cPanel ที่เราอัพโหลดไฟล์ค้างไว้ตั้งแต่บทความที่แล้ว คือ http://yourdomain.com/cpanel และให้มองหาหน้าต่างการจัดการฐานข้อมูล (Databases) เละให้คลิ๊กที่ MySOL Databases
ส่วนระบบ Direct Admin จะเป็น http://yourdomain.com:2222
วิธีติดตั้ง WordPress MU
วิธีติดตั้ง WordPress MU
เมื่อคลิ๊กที่ My SQL Databases แล้ว cPanel จะพาเรามาที่หน้า  My SQL Databases ให้เราใส่ชื่อ Databases ที่เราต้องการลงในช่อง แล้วคลิ๊กที่ Create Databases เลย โดยตามปกติของระบบ cPanel เวลาเราใช้งาน Databases ที่สร้างขึ้น ชื่อของ Databases จะอยู่ในรูปแบบ Username_Databases Name เมื่อ เราสั่ง Create Databases แล้ว จะมีชื่อ Databases ที่เราสร้างขึ้นอยู่ด้านล่าง ให้จำไว้ให้ดี สมมุติว่าของผมเป็น seosp เมื่อสร้างเสร็จแล้วก็จะกลายเป็น seologin_seosp นี่คือ Databases Name ที่เราต้องใช้ในการติดตั้ง WordPress Mu
วิธีติดตั้ง WordPress MU
วิธีติดตั้ง WordPress MU
เป็นอันว่าเรียบร้อยในการตั้งค่า ฝั่ง Server หรือ Host เมื่อเรียบร้อยแล้วให้เรา ใส่ Url ของเราและจะพบ หน้า install ของ WordPress Mu
วิธีติดตั้ง WordPress Mu
วิธีติดตั้ง WordPress Mu
โดยเราต้องใส่ข้อมูลดังนี้
  • ส่วนแรกส่วนการตั้งค่า Blog เลือกรูปแบบ Blog ของเราว่าต้องการแบบใด สามารถเลือกได้สองแบบคือ
  1. แบบซัพโดเมน เช่น blog.yourdomain.com
  2. แบบซัพไดเร็คทอรี่ เช่น yourdomain.com/blog  (ส่วนเรื่องความแตกต่างของ สองแบบนี้ผมจะมาบอกทีหลัง บทความหน้า)
  • ส่วนที่สองเป็นส่วนจัดการ Databases ให้ใส่ข้อมูลดังนี้
Database Name
User Name
Password
Database Host
  1. Database Name ให้ใส่ดาต้าเบสเนม ในส่วนนี้ทั้งสองระบบ คือ cPanel และ Direct Admin จะเป็นชื่อล๊อคอินแล้วตามด้วยชื่อดาต้าเบสเหมือนกัน เช่น seologin_seosp
  2. User Name ให้ใส่ชื่อที่ล๊อคอินเข้าใช้งาน cPanel ส่วน Direct Admin จะต้องใส่ชื่อ ดาต้าเบสแทน เช่น seologin_seosp
  3. Password ให้ใส่พาสเวิร์ด เข้าระบบ cPanel ส่วน Direct Admin จำเป็นต้องใส่พาสเวิร์ดที่เราตั้งขณะที่สร้างดาต้าเบส
  4. Database Host โดยส่วนใหญ่ 99% จะเป็น Localhost ถ้าไม่ได้ให้ติดต่อผู้บริการโฮสที่เช่าดู ว่าอุตริไปเปลี่ยนว่าอย่างไร
  • ส่วนที่สามเป็น Server Address ให้ใส่ Domain ของเราลงไป เช่น yourdomain.com
Server Address
  • ส่วนสุดท้าย ในการตั้งค่า install WordPress Mu คือ Site Detial คือรายละเอียดไซต์ ให้กรอกดังนี้
Site Title What would you like to call your site?
Email Your email address.
  1. Site Title ให้ใส่ชื่อบล๊อคที่คุณต้องการลงไป เช่น เสียวสมุทรปราการ ฟรี บล๊อก
  2. Email ให้ใส่อีเมล์ ผมแนะนำให้ใส่อีเมล์ที่ติดต่อได้ เพราะ พาสเวิร์ดจะส่งเข้าเมล์นี้ และเมื่อเราลืมพาสเวิร์ดต้องใช้ เมล์นี้ละกู้พาสเวิร์ดคืนมา
เมื่อกรอกทุกอย่างครบแล้วให้รีบกด Submit ทำไมต้องรีบ ? เพราะว่ารอมานานแล้วนะสิอยากใช้เต็มทีแล้ว 555
เรียบร้อยสำหรับการลง WordPress Mu แค่นี้คุณก็สามารถใช้งานได้ทันที โดยสามารถล๊อคอินเข้าใช้งานในส่วนของ Admin ได้ที่ Url Youdomain.com/wp-login.php โดย user ในการล๊อคอินคือ admin และพาสเวิร์ดจะแจ้งไว้ในหน้าที่เรา install เสร็จและจะส่งให้เราในเมล์ที่เราได้กรอกไว้
วิธีการลง WordP
วิธีติดตั้ง WordPress Mu
แต่ในการใช้งานแล้วเพื่อความปลอดภัยคุณควร กำหนดสิทธิ์ใน Directory ต่อไปนี้ให้เป็น 755
  • public_html/wp-content/
เรียบร้อยครับสำหรับการลง WordPress Mu ส่วนการใช้งานในส่วนการตั้งค่าหรืออื่น ๆ นั้นสามารถตั้งค่าเหมือน WordPress เลย
สำหรับการใช้งาน WordPress Mu นั้นมีปลั๊กอินที่ขาดไม่ได้เลย เหมือนจะสร้างมาคู่กัน เฉกเช่นเดียวกับ Nestcafe Red cap กับ คอฟฟี่เมต ยังไงยังงั้น คือ BuddyPress ซึ่งเป็นปลั๊กอินช่วยอำนวยความสะดวก และเป็น Portal หรือหน้าท่าของ WordPress Mu ของ เราเพื่อเอาไว้แสดงข่าวการอัพเดทล่าสุด ของบล๊อกเรา ยูสเซอร์ล่าสุดที่สมัคร หรือ บทความล่าสุดในบล๊อกล่าสุดที่ถูกเขียนขึ้น ทำให้เว็บหลักของเรามีการเคลื่อนไหวตลอดนั่นเอง การติดตั้ง BuddyPress และการตั้งค่า ตีมและปลั๊กอินให้ใช้งานร่วมกันได้อย่างมีประสิทธิภาพ รวมถึงการปรับแต่งด้าน SEO นั้นผมขอติดไว้ก่อนจะนำมาเสนอในโอกาสต่อไป โอกาสนี้ขอลาไปปั๊มตังค์เพื่อเป็นกำลังใจในการเขียน Blog ซะก่อน สวัสดีครับ

การวิจัยตลาดเพื่อขายสินค้ากับ Amazon

Market Research
Market Research
หลังจากเงียบหายไปนานเนื่องจากขี้เกียจ และเป็นวันหยุดยาวช่วงปีใหม่หัวมันเลยว่าง ๆ ไม่มีอะไรจะมาแบ่งปัน เพื่อน ๆ ซะทีจนกลัวว่า แควน ๆ ที่มีอยู่น้อยนิดจะหลีกหนีตีจากไปอ่านบทความเว็บไซต์ให้ความรู้อื่น ๆ ซะหมด ตอนนี้ชาร์ตแบตได้พอสมควรแล้ว เลยมาอัพเดทบทความซะหน่อย.
เนื่องจากเดือนที่แล้ว (ธันวาคม 2552) ผมแอบเอายอดรายได้ผมไปโม้ทิ้งไว้ แล้วมีเพื่อน ๆ ในบอร์ดแอบ PM มาถามเทคนิคและวิธีการกันอย่างมากมาย หลังจากตอบ ๆ ไปบ้างเลยคิดว่า เอามาเขียนให้รู้แล้วรู้รอดไปเลยดีกว่า จะได้เก็บไว้อ้างอิง และเมื่อมีคนมาถามอีกก็ไล่ให้มาอ่านบทความนี้ซะหมดเรื่องไป
มีมือใหม่ซิง ๆ ขนาดที่ว่ายังไม่มี Associates ID ของ Amazon เลยมาถามผมว่า หลังจากมี Associates ID ของ Amazon แล้วจะทำยังไงต่อไปดี ?
ผมเชื่อว่าเป็นคำถามที่อยู่ในใจของมือใหม่หลาย ๆ คนเนื่องจากว่าเป็นอาการที่เรียกว่า “ตัน” ของมือใหม่ คงจะดีไม่น้อยถ้ามีใครสักคนที่หน้าตาดี ๆ เขียนทิ้งไว้ในอินเตอร์เน็ตเป็นไกด์ไลน์สำหรับมือใหม่ อย่ากระนั้นเลยไอ้ผมมันคนหน้าตาดีก็ขอรับตำแหน่งนี้ไว้ล่ะกัน
หลังจากที่คุณตัดสินใจแล้วว่าจะหาเงินกับการเป็นตัวแทนขายสินค้าของ Amazon แล้วก็แนะนำให้ไปสมัคร ขอรับ Associates ID ของ Amazon ไว้ได้เลย วิธีการสมัครก็ที่นี่ครับ วิธีการสมัคร Amazon Associates
หลังจากสมัครเรียบร้อยแล้วผมแนะนำให้คุณไปอ่านบทความนี้ต่อ รู้จักกับ Amazon Bestseller
หลังจากอ่านจนเข้าใจได้ระดับหนึ่งแล้ว ผมแนะนำให้ถกแขนเสื้อเข้าไปลุยป่า Amazon เลยครับ โดยให้เน้นไปที่ Amazon Bestseller นั่นล่ะครับ เข้าไปดูมันทุกหน้า ไปวิเคราะห์ ดูว่าเค้าซื้อสินค้าอะไรกัน อะไรที่มันขายดี ในช่วงเวลานั้น ๆ
หลังจากวิ่งอยู่ใน Amazon Bestseller จนเข้าใจทะลุ ปรุโปร่งแล้ว (ย้ำนะครับว่าเข้าใจทะลุปรุโปร่ง สำคัญมาก) ขั้นตอนต่อไปเป็นขั้นตอนที่สำคัญที่สุดของการทำเงินกับ Amazon หรือว่า Affiliate ทุกเจ้า คือการวิจัยตลาด (Market Research) นั่นเอง
การวิจัยตลาด (Market Research) คือการค้นหาความต้องการของผู้บริโภค เพื่อที่เราจะได้ค้นหาสินค้าและบริการมาตอบสนองความต้องการนั้น ๆ
สำหรับมือใหม่แล้วจะไปพะวงกับการค้นหาสินค้ามาขายมากกว่า คำถามที่ผมได้รับบ่อย ๆ จากเพื่อน ๆ ก็คือขายสินค้าอะไรดี สินค้าที่ขายก็นิช (Niche)แล้วนะ ทำไมขายไม่ได้ ผมก็ได้แต่แนะนำไปว่าให้ดูเรื่อง Keyword ดี ๆ และก็มีคำถามต่อมาอีกว่าแล้วจะหา Keyword ยังไงล่ะ ใช้เครื่องมืออะไรช่วยหา แล้วต้องดูคู่แข่งสักเท่าไรดี ถึงจะพอทำ SEO สู้เค้าได้
ก็เลยยกมาตอบรวม ๆ ในบทความนี้เลย การหาคีย์เวิร์ด ก็คือการทำ Market Research นั่นเอง
จริง ๆ แล้วการทำวิจัยตลาด หรือ Market Research ไม่ใช่เรื่องยุ่งยากซับซ้อนอะไรเลยมันคือกระบวนการเก็บรวบรวม วิเคราะห์ ตีความ และรายงานข้อมูลทางการตลาด ซึ่งจะเกี่ยวเนื่องไปถึง ความสนใจในสินค้าของผู้บริโภค,ความสนใจในสินค้าของช่วงเวลาหนึ่ง ๆ ,ความนิยมของตัวสินค้าโดยรวม,คู่แข่งทางการค้าหรือผู้ที่ขายสินค้าแบบเดียว กับที่เราขายอยู่,ความต้องการของสินค้าในตลาดที่เราจะเล่น
วิธีหาข้อมูลสำหรับการวิจัยตลาดที่ง่ายที่สุด ก็คือการหาแหล่งข้อมูลเกี่ยวกับสินค้าที่เราจะขายใน internet เช่น เว็บไซต์เจ้าของสินค้า เว็บไซต์รีวิวสินค้า หรือแม้แต่กระทั่งเว็บขายสินค้าคู่แข่งของ Amazon เองก็ตาม
อีกที่หนึ่งไม่ควรมองข้ามในการวิจัยตลาด ก็คือเว็บบอร์ดที่มีการพูดคุย เกี่ยวกับสินค้าที่เราจะนำมาขาย ยกตัวอย่างเช่น เราอยากขายสินค้าเกี่ยวกับ อุปกรณ์กีฬาเทนนิส ก็ไปหาข้อมูล ตามเว็บบอร์ดที่พูดคุยเกี่ยวกับเรื่องราวของกีฬาเทนนิส หรือเว็บข่าวต่าง ๆ ซึ่งจะทำให้เรารู้เกี่ยวกับแนวโน้ม และทิศทางของตลาด ความต้องการของตลาด รวมไปถึงเทรนด์ของสินค้าที่จะขายในช่วงเวลานั้น ๆ กรณีนี้ผมยังมีร้านที่ทำเงินทุกวัน เนื่องจากได้ข่าวว่าสินค้าที่จะขายจะออกรุ่นใหม่มา ผมจึงรีบไปจดโดเมนไว้ก่อน เมื่อสินค้าออกมาแล้ว ร้านค้าร้านนั้นของผม ก็อินเด็กซ์ ใน Search Engine พอดี ผลปรากฏว่าผมขายออกทุกวันเป็นเดือน ๆ
ผมมีตัวอย่างของเว็บที่ผมจะแวะเวียนไปหาสินค้าใหม่ ๆ อยู่เสมอ ๆ เช่น
  • http://news.google.com
  • http://news.yahoo.com
  • http://pulse.ebay.com
หวังว่าบทความนี้คงจะเป็น แนวทางให้มือใหม่ที่ยังหาทางไปต่อไม่เป็นหรือ เกิดอาการที่เรียกว่า “ตัน”
ร่ำรวย ร่ำรวย ครับ
อ้อ ยอดรายรับเดือน ธันวาคมของผมคือ 1,864 USD หรือ ประมาณ 63,000 บาท ไม่เลวเลยสำหรับมือใหม่อย่างผม ทั้งหมดเริ่มจาก Amazon Bestseller+ Market Research

วิธีหา Follow Twitter

อย่างที่ผมบอกไว้ว่า
การที่เราจะประสบความสำเร็จ กับการหาหมากกะตังค์ กับ Twitter นั้น ขึ้นอยู่ว่าจะมีคนมา Follow เรา หรือติดตามเรามากแค่ไหน และคนกลุ่มนั้นควรเป็นเป้าหมายของเราด้วย
และตอนนี้เราก็สมัคร Twitter แล้ว Twitter ที่ได้มาจะไม่มีประโยชน์อันใดเลย เนื่องจากไม่มีคน Follow และเงื่อนไขการ Follow ก็จำเป็นเสียด้วยว่าต้องเป็นกลุ่มเป้าหมาย เพื่อความสำเร็จโดยเฉพาะขายสินค้า
และเจตนารมณ์ที่ ผมสอนเพื่อน ๆ สมัคร Twitter นี้ก็เพราะเป็นการใช้หนี้ที่ค้างไว้ เนื่องจากรับปากไว้ว่าจะสอนหาเงินกับ Amazon Bestseller ในขณะที่ศึกษาเรียนรู้มัน เอาล่ะ เรามาหาคน Follow Twitter เรากันดีกว่า
พระเอกของเราในวันนี้คือเว็บไซต์ Twellow.com Twellow.com เป็นเหมือนสมุดหน้าเหลืองของ Twitter เว็บไซต์นี้จะมีรายชื่อมากมาย เราสามารถเลือกได้ว่า อยากได้กลุ่มคนที่สนใจเรื่องไหน อาชีพอะไร อยู่ภูมิภาคไหน ประเทศอะไร ที่สำคัญ มันทำให้เรา Follow ง่ายและฟรี !! ยิ่งมีเครื่องมือ ยิ่งเทพ + แจ่ม มาดูวิธีการกันเลย

วิธีหาFollow Twitter ด้วย Twellow.com

  • ก่อนอื่นต้องมี Twitter Account ก่อน ถ้าไม่มี ที่นี่ วิธีสมัคร Twitter.com
  • และต้องสมัครสมาชิกับ Twellow.com ให้ไปที่ www.Twellow.com แล้วมองหา Register for FREE ทางด้านขวามือ ให้คลิ๊กแล้วจะมีหน้าต่าง ป๊อปอัพให้กรอกรายละเอียด
    วิธีหา Follow Twitter
    วิธีหา Follow Twitter
  • กรอก Twitter Username ,Twitte Password,Email Address เสร็จแล้วคลิ๊กที่ Register เลยครับ (ก่อนสมัครต้องโพสแรกบน Twitter ซะก่อนครับ Hello ก็ได้)
  • เมื่อรีจิสเตอร์เรียบร้อยให้คลิ๊กที่แท๊บ All Categories ด้านบน แล้ว Twellow จะพาเรามาที่หน้า All Twellow Categories
  • ให้เลือกหัวข้อที่คิดว่าตรงกับเรามากที่สุดแล้วคลิ๊กที่ Addme เพื่อ Add Profile ของเราเข้าใน Categories เวลาที่มีคนมาหาข้อมูลใน Twellow โดยเลือกตาม Categories จะเจอโปรไฟล์ของเราเพื่อ Follow ในที่นี้อาจเป็นลูกค้าของเราในอนาคตก็ได้ อย่างผมเลือก Consumer Product,Electronics Product และอื่น ๆ (เลือกได้หลาย Categories ครับ)
    วิธีหา Follow Twitter
    วิธีหา Follow Twitter
และตอนนี้ก็ถึงขั้นตอนสำคัญที่สุด คือการ Follow Twitter คนอื่น เพื่อรอให้มีคนตาม Follow เรากลับ โดยปกติ Twitter จะอนุญาติให้เรา Follow คนอื่นได้ 2,000 Follow
โดยการ Follow คุณจะสามารถ Follow ตาม Categories ก็ได้ โดยให้ใช้หลักการตลาดเข้ามาช่วย ให้คิดว่าคนกลุ่มไหนน่าจะซื้อสินค้าเรามากที่สุด
อีกแบบหนึ่งคือ Follow ตามภูมิภาคโดยผมจะใช้แบบนี้ซะเป็นส่วนมากครับ แต่จริง ๆ ก็ใช้ทั้งสองแบบ เพราะว่าเราหวังให้คน Follow เรากลับซึ่งไม่สามารถกำหนดได้ มาดูวิธีการ Follow กันเลยครับ
  • ให้ใช้ช่องเสริชด้านบน โดยใส่ ข้อความที่ต้องการเข้าไป ตัวอย่างของผมต้องการคน Follow จาก สหรัฐอเมริกาเท่านั้นก็ใช้ USA ครับ แล้วก็เสริชเลยเสร็จแล้วจะมีปุ่ม Follow ด้านข้าง ก็กด Follow ได้เลยครับ ง่ายมาก ๆ ยิ่งใช้ iMacro ด้วยนะ ปรึ้ด ๆ เร็วมาก ๆ
    วิธีหา Follow Twitter
    วิธีหา Follow Twitter
มีทริคนิดนึงสำหรับผมจะไม่ฟอลโล่คนที่อยู่หน้าแรก ๆ หรอกครับรู้สึกว่าจะเป็นคนดังไปหน่อย ไม่กล้า ผมจะเริ่มฟอลโล่ หน้าที่ 50 ขึ้นไปนู่น
เมื่อ Follow เสร็จแล้วก็รอคน Follow กลับ มากน้อยขึ้นอยู่กับว่าคุณอัพเดทเนื้อหาบ่อยแค่ไหน และต่อไปก็เริ่มโพสสินค้า Amazon เพื่อรอรับค่าคอมมิสชั่นได้เลย

หารายได้กับ Amazon ด้วย Twitter.com

บทความหน้าผมจะมาไขให้ครับว่า ต้องทำยังไง หาิเงินยังไงจากหน้า Amazon Bestseller ที่สำคัญไม่ต้องควักกะตังค์สักแดงเดียว ไปล่ะสวัสดีครับ
ด้านบนคือคำสัญญาจากหนุ่มหน้าตาดีคนหนึ่ง ซึ่งเค้ากล่าวไว้ตอนเขียนเรื่อง รู้จักกับ Amazon Bestseller แต่จนแล้วจนรอดก็ไม่ได้เขียนสักที จนมีเสียงติงจากแควน ๆ ว่า
ปล.คุณนอทยังติดเรื่อง “หาิเงินยังไงจากหน้า Amazon Bestseller” ยังไม่ได้เขียนต่อเลย รออ่านอยู่นะคะ
และแล้วเค้าคนนั้นก็รู้สึกผิด และขอยอมรับผิดเนื่องด้วยว่าผมลืมจริง ๆ ลืมแบบไม่ต้องสงสัยเลย มา ๆ และวันนี้โอกาสอำนวยแล้วเนื่องจากผมเพิ่งเขียนบทความเรื่อง  การวิจัยตลาดเพื่อขายสินค้ากับ Amazon และมีส่วนหนึ่งกล่าวไว้ว่า “หลัง จากอ่านจนเข้าใจได้ระดับหนึ่งแล้ว ผมแนะนำให้ถกแขนเสื้อเข้าไปลุยป่า Amazon เลยครับ โดยให้เน้นไปที่ Amazon Bestseller นั่นล่ะครับ เข้าไปดูมันทุกหน้า ไปวิเคราะห์ ดูว่าเค้าซื้อสินค้าอะไรกัน อะไรที่มันขายดี ในช่วงเวลานั้น ๆ”
ไหน ๆ เพื่อน ๆ ก็จำเป็นต้องถกแขนเสื้อลุยป่า Amazon แล้วและจำเป็นต้องใช้เวลาอยู่กับ มันนานเสียด้วยกว่าจะเข้าใจมันอย่างถ่องแท้ คงจะดีไม่น้อยถ้าเราสามารถหารายได้จากการเสียเวลาตรงนี้ได้
แต่มันก็มีข้อเสียอยู่บ้าง คือเพื่อน ๆ จะต้องเสียเวลาเพิ่มอีกนิดหน่อย แต่ผมว่าถ้ามีรายได้เข้ามาบ้างพอเป็นกำลังใจ แม้จะแค่ $1 แต่ถ้ามันเป็นชิ้นแรกแล้วละก็ ความรู้สึกจะเหมือนเพื่อน ๆ ขาย HDTV ได้หนึ่งตัวทีเดียว ผมรับประกัน
พระเอกของรายการนี้คือ Twitter.com ครับ

หารายได้กับ Amazon ด้วย Twitter.com

  • ก่อนอื่นเพื่อน ๆ ต้องมีบัญชีกับ Twitter ก่อนครับ วิธีการสมัคร Twitter.com และควรจะมีคน follow เพื่อน ๆ พอสมควร การหา follow Twitter
  • ล๊อคอินเข้า Amazon Associates ให้เรียบร้อยครับ
  • เพื่อความสะดวกให้ล๊อคอินเข้าหน้า Twitter ของเราไว้ให้เรียบร้อยด้วยครับ
  • เสร็จแล้วให้มาหน้า Amazon Bestseller หลังจากนั้นก็เป็นเวลาศึกษาเทรน และดูว่าคนอเมริกาเค้าซื้ออะไรกันในช่วงเวลานั้น ๆ ซึ่งตรงนี้เป็นสิ่งที่ผมอยากให้เพื่อน ๆ ทุกคนทำความเข้าใจกับมันให้ได้ ถ้าคุณเข้าใจ Bestseller ของ Amazon แล้วล่ะก็ ความสำเร็จกับ Affiliate เจ้านี้ก็อยู่แค่เอื้อม แต่ตอนนี้เราจะฉวยโอกาสในการศึกษา หาความรู้นี่ล่ะ มาฉวยโอกาสหารายได้กัน
  • เมื่อเลือกสินค้าที่ต้องการใน Amazon Bestseller ได้แล้ว ให้มองที่เมนูด้านบนในแถบของ Site Stripe เราจะเห็น ไอคอน Share on Twitter ใ้ห้คลิ๊กที่ปุ่มนั้นได้เลย (สำหรับหลักการหาสินค้าและศึกษา Amazon Bestseller นั้นผมได้เขียนไว้แล้วครับ )
    หารายได้กับ Amazon ด้วย Twitter.com
  • หน้าต่างใหม่จะถูกเปิดขึ้นมา และถูกพาไปหน้า Twitter ของเราที่ล๊อกอินไว้โดยอัตโนมัติครับ แ่ละในส่วนนี้จะมีรายละเอียดสินค้าสั้น ๆ และลิงค์กลับมาที่ Amazon ไว้ให้เราเรียบร้อย ถ้าไม่ต้องการเพิ่มเติมอะไร ก็สั่งอัพเดทได้เลย
    แต่ในตัวอย่างผม จะใส่ข้อความโฆษณาเข้าไปหน่อยนึงเพื่อความน่าซื้อครับ “Buy at Amazon! Qualified orders over $25 ship free” ประมาณว่าถ้าซื้อกับอเมซอนด้วยราคาที่มากกว่า $25 ส่งฟรี ตรงนี้เป็นหลักการตลาดง่าย ๆ ครับ เมื่อแต่งหน้าทาปากแล้วผมก็จะ Update แล้วก็รอว่าจะมีคน Order กลับแล้วครับ
    หารายได้กับ Amazon ด้วย Twitter.com
เป็นไงครับง่ายไหมเอ่ย หลังจากนั้นก็ ย้อนกลับไปดูที่ Amazon Bestseller ใหม่ มีอะไรน่าสนใจก็เอามาอัพเดทอีก ทีนี้เวลาที่เพื่อน ๆ หาความรู้ศึกษาเทรน กับ Amazon เพื่อเลือกสินค้ามาทำตลาดอย่างจริง ๆ จัง ๆ ก็ไม่เสียเปล่าแล้วครับ
มีทริคอยู่นิดหนึ่งว่าเวลาเพื่อน ๆ จะอัพเดทสินค้าขึ้นทวิตเตอร์ควรเป็นช่วงที่คนอเมริกากำลัง ท่องอินเตอร์เน็ตกัน และเป็นช่วงเวลาที่ เค้าอยากซื้อสินค้าครับ กระซิบนิดหนึ่งว่าเวลาอเมริกา ต่างกับไทย กลางวันเป็นกลางคืน กลางคืนเป็นกลางวัน แล้ว+ ไป 3 ชั่วโมงครับ

Amazon และ ฤดูกาล

การเลือกตลาดของสินค้า ที่เราจะขายใน Amazon นั้นผมได้เอ่ยถึงไปบ้างแล้ว ในบทความ “การวิจัยตลาดเพื่อขายสินค้ากับ Amazon”
ในบทความที่เคยเขียนไว้ได้กล่าว คร่าว ๆ กว้าง ๆ ถึงการวิเคราะห์และวิจัยตลาดโดยทั่วไป
สำหรับบทความนี้ผมจะมากล่าวถึงการลงลึกลงไปเลือกตลาดในการขายสินค้า
การเลือกตลาดโดยทั่ว ๆ ไปนั้น พอจะจำแนกได้กว้าง ๆ คือ
  1. ตลาด Mass หรือตลาดที่มีการแข่งขันสูง
  2. ตลาด Niche หรือตลาดเฉพาะกลุ่ม ตลาดที่มีความจำเพาะเจาะจงสูง มีรูปแบบสินค้าและบริการตายตัว Keyword ของตลาดพวกนี้ก็จะเป็นคีย์เวิร์ดยาว ๆ จำเพาะเจาะจงระบุรุ่น หรือยี่ห้อของสินค้า
  3. ตลาดตามฤดูกาล ตลาดแบบนี้คือตลาดเฉพาะช่วงเวลาหรือเทศกาลต่าง ๆ ซึ่งโดยธรรมชาติของตลาดแบบนี้จะอยู่ในรูปแบบของ ความจำเป็น ในการใช้สินค้ามากกว่า ความต้องการ (ถ้าเปรียบเทียบตามหลักการตลาด ซึ่งเราต้องวิเคราะห์หาความจำเป็น และความต้องการของมนุษย์ เพื่อหาสินค้ามาตอบสนอง)
ตลาดตามฤดูกาลเป็นตลาดที่ผมสนใจและ มี คีย์เวิร์ดอยู่ในครอบครองมากที่สุด จริงอยู่เมื่อหมดฤดูกาลแล้วสินค้ากลุ่มนี้จะขายไม่ได้ เราจำเป็นต้องหาสินค้าของ ฤดูกาลหรือเทศกาลใหม่ ๆ มารองรับอีกเพื่อให้เราขายได้ตลอดทั้งปี
แต่ผมพบความจริงที่ว่าการทำตลาดแบบนี้ จะเหนื่อยแค่ปีแรก เพราะเมื่อเราได้คีย์เวิร์ดมาครอบครองแล้วเมื่อปีหน้า ฤดูกาลหรือเทศกาลนั้น ๆ มาถึงอีก เราก็ไม่ต้องทำอะไรเลย แค่นั่งดูสินค้าที่มันถูกขายออกไปเรื่อย ๆ ก็เท่านั้น
แล้วคุณล่ะมองสินค้าอะไรไว้รองรับฤดูกาลของอเมริกาที่เปลี่ยนไปทั้งปีบ้างหรือยัง

เทคนิคการเขียนบทความภาษาอังกฤษด้วย Google

ข้อมูลสรุปนี้ไม่พร้อมใช้งาน โปรด คลิกที่นี่เพื่อดูโพสต์