วันพุธที่ 21 ธันวาคม พ.ศ. 2554

3 ทำเลทอง ของการทำ SEO จับจองด่วน

ในการทำอันดับกับ Search Engine โดยเฉพาะ อาร์ตตัวแม่อย่าง Google นั้น เป็นที่ทราบดีกันอยู่แล้วว่าทำเลทองอย่าง เขายายเที่ยง เอ้ยไม่ใช่ !!! Description Meta Tag,Keyword Meta Tag นั้นได้ถูกลดบทบาทความสำคัญลงไปมาก ถึงมากที่สุด เรียกว่าจากถนน
ทำเลทองของการทำ SEO
ทำเลทองของการทำ SEO
สีลมกลายเป็นสลัมคลองเตยก็ว่าได้
วันนี้ผมเลยเอาทำเลทองที่ใหม่มาแนะนำกัน เป็นทำเลทองที่คุณ nayjoty แห่ง Thaiseoboard ได้นำมาเปิดเผยไว้ และจากการทดลองที่ผมเคยทำ ๆ มามันดันไปตรงกันพอดีเป๊ะ เลยขออนุญาติแกเอามาเีขียนประดับบล๊อกให้เพื่อน ๆ ได้อ่านกัน
3 ทำเลทองที่ว่านี่ก็คือ
  1. Title
  2. Content
  3. Foder Name หรือ Page Name
วิธีการยึดครองก็ง่ายพอ ๆ กับทำรัฐประหารเมืองไทยเลยครับ (บทความนี้เป็นไรเนี่ย รู้สึกเอียง ๆ ยังไงไม่รู้เ) เพียงจับ Keywordที่คุณต้องการทำอันดับในหน้า Web Page นั้น ๆ ไปว่างไว้ใน Title Tag หรือถ้าเป็น WordPress ก็แอบหยอดไว้ในชื่อเรื่องเลยครับ
หลังจากนั้นก็เอา่ Keyword ตัวเดิมที่ต้องการทำอันดับไปวางเกะกะ แอบ ๆ ยัดไว้ในเนื้อหาให้ Bot มันเดินมาสะดุด สักสองสามที่ ผมแนะนำบน ๆ นะครับประมาณบรรทัดที่ 2 หรือ 3 เนื่องจาก Bot ของ Search Engine มันจะอ่านจากบนลงล่าง ซ้ายมาขวาครับ
สำหรับชื่อโฟลเดอร์หรือ Page Name นั้นก็ตั้งให้มันมี Keyword แอบอยู่ด้วย รวมไปถึงชื่อรูปภาพ Alt Tag ของรูปก็ควรให้มีด้วย สามส่วน บน = Title กลาง = Content ล่าง = ชื่อ Folder ชื่อรูปภาพ (เรียกทราฟฟิคดีนักแล) แล้วรอดูผลเลยครับ
เจ้าของไอเดียเค้าบอกว่า ได้ผลดีมาก ๆ สำหรับคีย์เวิร์ดที่มีคู่แข่งน้อย ๆ และ คีย์เวิร์ดนั้นมีภาษาไทยปนอยู่ด้วย
เอาไปปรับแต่งและ่จับจองตำแหน่งทำเลทองกันได้เลยครับ
ปล.รูปภาพเป็นตัวอย่างการวางคีย์เวิร์ดครับ รับรองว่าแจ่ม

วิธีติดตั้ง WordPress Mu ภาค2

หลังจากเมื่อวานเราอัพโหลดไฟล์ขึ้นโฮสเสร็จ เรียบร้อยแล้ว ก็มาถึงขั้นตอนการติดตั้งเจ้าตัว WordPress Mu เสียที การติดตั้ง WordPress Mu ไม่ได้มีอะไรยากไปกว่าการติดตั้ง WordPress Original เลยขั้นตอนการทำงานคล้าย ๆ กันคือ
  • อัพโหลดไฟล์ขึ้นโฮส
  • สร้าง หรือจัดการ ฐานข้อมูล
  • ติดตั้ง
เราเริ่มขั้นตอนการติดตั้ง WordPress Mu กันเสียทีเถอะ แต่ก่อนอื่น (แฮ่ ๆ มีแต่!!) เราจำเป็นต้องสร้างฐานข้อมูล และ Account ที่มีสิทธิ์เข้าใช้งานฐานข้อมูลเสียก่อน (ในกรณีที่ไม่ใช่ระบบ cPanel) ก่อนอื่นให้เราไปที่หน้า cPanel ที่เราอัพโหลดไฟล์ค้างไว้ตั้งแต่บทความที่แล้ว คือ http://yourdomain.com/cpanel และให้มองหาหน้าต่างการจัดการฐานข้อมูล (Databases) เละให้คลิ๊กที่ MySOL Databases
ส่วนระบบ Direct Admin จะเป็น http://yourdomain.com:2222
วิธีติดตั้ง WordPress MU
วิธีติดตั้ง WordPress MU
เมื่อคลิ๊กที่ My SQL Databases แล้ว cPanel จะพาเรามาที่หน้า  My SQL Databases ให้เราใส่ชื่อ Databases ที่เราต้องการลงในช่อง แล้วคลิ๊กที่ Create Databases เลย โดยตามปกติของระบบ cPanel เวลาเราใช้งาน Databases ที่สร้างขึ้น ชื่อของ Databases จะอยู่ในรูปแบบ Username_Databases Name เมื่อ เราสั่ง Create Databases แล้ว จะมีชื่อ Databases ที่เราสร้างขึ้นอยู่ด้านล่าง ให้จำไว้ให้ดี สมมุติว่าของผมเป็น seosp เมื่อสร้างเสร็จแล้วก็จะกลายเป็น seologin_seosp นี่คือ Databases Name ที่เราต้องใช้ในการติดตั้ง WordPress Mu
วิธีติดตั้ง WordPress MU
วิธีติดตั้ง WordPress MU
เป็นอันว่าเรียบร้อยในการตั้งค่า ฝั่ง Server หรือ Host เมื่อเรียบร้อยแล้วให้เรา ใส่ Url ของเราและจะพบ หน้า install ของ WordPress Mu
วิธีติดตั้ง WordPress Mu
วิธีติดตั้ง WordPress Mu
โดยเราต้องใส่ข้อมูลดังนี้
  • ส่วนแรกส่วนการตั้งค่า Blog เลือกรูปแบบ Blog ของเราว่าต้องการแบบใด สามารถเลือกได้สองแบบคือ
  1. แบบซัพโดเมน เช่น blog.yourdomain.com
  2. แบบซัพไดเร็คทอรี่ เช่น yourdomain.com/blog  (ส่วนเรื่องความแตกต่างของ สองแบบนี้ผมจะมาบอกทีหลัง บทความหน้า)
  • ส่วนที่สองเป็นส่วนจัดการ Databases ให้ใส่ข้อมูลดังนี้
Database Name
User Name
Password
Database Host
  1. Database Name ให้ใส่ดาต้าเบสเนม ในส่วนนี้ทั้งสองระบบ คือ cPanel และ Direct Admin จะเป็นชื่อล๊อคอินแล้วตามด้วยชื่อดาต้าเบสเหมือนกัน เช่น seologin_seosp
  2. User Name ให้ใส่ชื่อที่ล๊อคอินเข้าใช้งาน cPanel ส่วน Direct Admin จะต้องใส่ชื่อ ดาต้าเบสแทน เช่น seologin_seosp
  3. Password ให้ใส่พาสเวิร์ด เข้าระบบ cPanel ส่วน Direct Admin จำเป็นต้องใส่พาสเวิร์ดที่เราตั้งขณะที่สร้างดาต้าเบส
  4. Database Host โดยส่วนใหญ่ 99% จะเป็น Localhost ถ้าไม่ได้ให้ติดต่อผู้บริการโฮสที่เช่าดู ว่าอุตริไปเปลี่ยนว่าอย่างไร
  • ส่วนที่สามเป็น Server Address ให้ใส่ Domain ของเราลงไป เช่น yourdomain.com
Server Address
  • ส่วนสุดท้าย ในการตั้งค่า install WordPress Mu คือ Site Detial คือรายละเอียดไซต์ ให้กรอกดังนี้
Site Title What would you like to call your site?
Email Your email address.
  1. Site Title ให้ใส่ชื่อบล๊อคที่คุณต้องการลงไป เช่น เสียวสมุทรปราการ ฟรี บล๊อก
  2. Email ให้ใส่อีเมล์ ผมแนะนำให้ใส่อีเมล์ที่ติดต่อได้ เพราะ พาสเวิร์ดจะส่งเข้าเมล์นี้ และเมื่อเราลืมพาสเวิร์ดต้องใช้ เมล์นี้ละกู้พาสเวิร์ดคืนมา
เมื่อกรอกทุกอย่างครบแล้วให้รีบกด Submit ทำไมต้องรีบ ? เพราะว่ารอมานานแล้วนะสิอยากใช้เต็มทีแล้ว 555
เรียบร้อยสำหรับการลง WordPress Mu แค่นี้คุณก็สามารถใช้งานได้ทันที โดยสามารถล๊อคอินเข้าใช้งานในส่วนของ Admin ได้ที่ Url Youdomain.com/wp-login.php โดย user ในการล๊อคอินคือ admin และพาสเวิร์ดจะแจ้งไว้ในหน้าที่เรา install เสร็จและจะส่งให้เราในเมล์ที่เราได้กรอกไว้
วิธีการลง WordP
วิธีติดตั้ง WordPress Mu
แต่ในการใช้งานแล้วเพื่อความปลอดภัยคุณควร กำหนดสิทธิ์ใน Directory ต่อไปนี้ให้เป็น 755
  • public_html/wp-content/
เรียบร้อยครับสำหรับการลง WordPress Mu ส่วนการใช้งานในส่วนการตั้งค่าหรืออื่น ๆ นั้นสามารถตั้งค่าเหมือน WordPress เลย
สำหรับการใช้งาน WordPress Mu นั้นมีปลั๊กอินที่ขาดไม่ได้เลย เหมือนจะสร้างมาคู่กัน เฉกเช่นเดียวกับ Nestcafe Red cap กับ คอฟฟี่เมต ยังไงยังงั้น คือ BuddyPress ซึ่งเป็นปลั๊กอินช่วยอำนวยความสะดวก และเป็น Portal หรือหน้าท่าของ WordPress Mu ของ เราเพื่อเอาไว้แสดงข่าวการอัพเดทล่าสุด ของบล๊อกเรา ยูสเซอร์ล่าสุดที่สมัคร หรือ บทความล่าสุดในบล๊อกล่าสุดที่ถูกเขียนขึ้น ทำให้เว็บหลักของเรามีการเคลื่อนไหวตลอดนั่นเอง การติดตั้ง BuddyPress และการตั้งค่า ตีมและปลั๊กอินให้ใช้งานร่วมกันได้อย่างมีประสิทธิภาพ รวมถึงการปรับแต่งด้าน SEO นั้นผมขอติดไว้ก่อนจะนำมาเสนอในโอกาสต่อไป โอกาสนี้ขอลาไปปั๊มตังค์เพื่อเป็นกำลังใจในการเขียน Blog ซะก่อน สวัสดีครับ

การวิจัยตลาดเพื่อขายสินค้ากับ Amazon

Market Research
Market Research
หลังจากเงียบหายไปนานเนื่องจากขี้เกียจ และเป็นวันหยุดยาวช่วงปีใหม่หัวมันเลยว่าง ๆ ไม่มีอะไรจะมาแบ่งปัน เพื่อน ๆ ซะทีจนกลัวว่า แควน ๆ ที่มีอยู่น้อยนิดจะหลีกหนีตีจากไปอ่านบทความเว็บไซต์ให้ความรู้อื่น ๆ ซะหมด ตอนนี้ชาร์ตแบตได้พอสมควรแล้ว เลยมาอัพเดทบทความซะหน่อย.
เนื่องจากเดือนที่แล้ว (ธันวาคม 2552) ผมแอบเอายอดรายได้ผมไปโม้ทิ้งไว้ แล้วมีเพื่อน ๆ ในบอร์ดแอบ PM มาถามเทคนิคและวิธีการกันอย่างมากมาย หลังจากตอบ ๆ ไปบ้างเลยคิดว่า เอามาเขียนให้รู้แล้วรู้รอดไปเลยดีกว่า จะได้เก็บไว้อ้างอิง และเมื่อมีคนมาถามอีกก็ไล่ให้มาอ่านบทความนี้ซะหมดเรื่องไป
มีมือใหม่ซิง ๆ ขนาดที่ว่ายังไม่มี Associates ID ของ Amazon เลยมาถามผมว่า หลังจากมี Associates ID ของ Amazon แล้วจะทำยังไงต่อไปดี ?
ผมเชื่อว่าเป็นคำถามที่อยู่ในใจของมือใหม่หลาย ๆ คนเนื่องจากว่าเป็นอาการที่เรียกว่า “ตัน” ของมือใหม่ คงจะดีไม่น้อยถ้ามีใครสักคนที่หน้าตาดี ๆ เขียนทิ้งไว้ในอินเตอร์เน็ตเป็นไกด์ไลน์สำหรับมือใหม่ อย่ากระนั้นเลยไอ้ผมมันคนหน้าตาดีก็ขอรับตำแหน่งนี้ไว้ล่ะกัน
หลังจากที่คุณตัดสินใจแล้วว่าจะหาเงินกับการเป็นตัวแทนขายสินค้าของ Amazon แล้วก็แนะนำให้ไปสมัคร ขอรับ Associates ID ของ Amazon ไว้ได้เลย วิธีการสมัครก็ที่นี่ครับ วิธีการสมัคร Amazon Associates
หลังจากสมัครเรียบร้อยแล้วผมแนะนำให้คุณไปอ่านบทความนี้ต่อ รู้จักกับ Amazon Bestseller
หลังจากอ่านจนเข้าใจได้ระดับหนึ่งแล้ว ผมแนะนำให้ถกแขนเสื้อเข้าไปลุยป่า Amazon เลยครับ โดยให้เน้นไปที่ Amazon Bestseller นั่นล่ะครับ เข้าไปดูมันทุกหน้า ไปวิเคราะห์ ดูว่าเค้าซื้อสินค้าอะไรกัน อะไรที่มันขายดี ในช่วงเวลานั้น ๆ
หลังจากวิ่งอยู่ใน Amazon Bestseller จนเข้าใจทะลุ ปรุโปร่งแล้ว (ย้ำนะครับว่าเข้าใจทะลุปรุโปร่ง สำคัญมาก) ขั้นตอนต่อไปเป็นขั้นตอนที่สำคัญที่สุดของการทำเงินกับ Amazon หรือว่า Affiliate ทุกเจ้า คือการวิจัยตลาด (Market Research) นั่นเอง
การวิจัยตลาด (Market Research) คือการค้นหาความต้องการของผู้บริโภค เพื่อที่เราจะได้ค้นหาสินค้าและบริการมาตอบสนองความต้องการนั้น ๆ
สำหรับมือใหม่แล้วจะไปพะวงกับการค้นหาสินค้ามาขายมากกว่า คำถามที่ผมได้รับบ่อย ๆ จากเพื่อน ๆ ก็คือขายสินค้าอะไรดี สินค้าที่ขายก็นิช (Niche)แล้วนะ ทำไมขายไม่ได้ ผมก็ได้แต่แนะนำไปว่าให้ดูเรื่อง Keyword ดี ๆ และก็มีคำถามต่อมาอีกว่าแล้วจะหา Keyword ยังไงล่ะ ใช้เครื่องมืออะไรช่วยหา แล้วต้องดูคู่แข่งสักเท่าไรดี ถึงจะพอทำ SEO สู้เค้าได้
ก็เลยยกมาตอบรวม ๆ ในบทความนี้เลย การหาคีย์เวิร์ด ก็คือการทำ Market Research นั่นเอง
จริง ๆ แล้วการทำวิจัยตลาด หรือ Market Research ไม่ใช่เรื่องยุ่งยากซับซ้อนอะไรเลยมันคือกระบวนการเก็บรวบรวม วิเคราะห์ ตีความ และรายงานข้อมูลทางการตลาด ซึ่งจะเกี่ยวเนื่องไปถึง ความสนใจในสินค้าของผู้บริโภค,ความสนใจในสินค้าของช่วงเวลาหนึ่ง ๆ ,ความนิยมของตัวสินค้าโดยรวม,คู่แข่งทางการค้าหรือผู้ที่ขายสินค้าแบบเดียว กับที่เราขายอยู่,ความต้องการของสินค้าในตลาดที่เราจะเล่น
วิธีหาข้อมูลสำหรับการวิจัยตลาดที่ง่ายที่สุด ก็คือการหาแหล่งข้อมูลเกี่ยวกับสินค้าที่เราจะขายใน internet เช่น เว็บไซต์เจ้าของสินค้า เว็บไซต์รีวิวสินค้า หรือแม้แต่กระทั่งเว็บขายสินค้าคู่แข่งของ Amazon เองก็ตาม
อีกที่หนึ่งไม่ควรมองข้ามในการวิจัยตลาด ก็คือเว็บบอร์ดที่มีการพูดคุย เกี่ยวกับสินค้าที่เราจะนำมาขาย ยกตัวอย่างเช่น เราอยากขายสินค้าเกี่ยวกับ อุปกรณ์กีฬาเทนนิส ก็ไปหาข้อมูล ตามเว็บบอร์ดที่พูดคุยเกี่ยวกับเรื่องราวของกีฬาเทนนิส หรือเว็บข่าวต่าง ๆ ซึ่งจะทำให้เรารู้เกี่ยวกับแนวโน้ม และทิศทางของตลาด ความต้องการของตลาด รวมไปถึงเทรนด์ของสินค้าที่จะขายในช่วงเวลานั้น ๆ กรณีนี้ผมยังมีร้านที่ทำเงินทุกวัน เนื่องจากได้ข่าวว่าสินค้าที่จะขายจะออกรุ่นใหม่มา ผมจึงรีบไปจดโดเมนไว้ก่อน เมื่อสินค้าออกมาแล้ว ร้านค้าร้านนั้นของผม ก็อินเด็กซ์ ใน Search Engine พอดี ผลปรากฏว่าผมขายออกทุกวันเป็นเดือน ๆ
ผมมีตัวอย่างของเว็บที่ผมจะแวะเวียนไปหาสินค้าใหม่ ๆ อยู่เสมอ ๆ เช่น
  • http://news.google.com
  • http://news.yahoo.com
  • http://pulse.ebay.com
หวังว่าบทความนี้คงจะเป็น แนวทางให้มือใหม่ที่ยังหาทางไปต่อไม่เป็นหรือ เกิดอาการที่เรียกว่า “ตัน”
ร่ำรวย ร่ำรวย ครับ
อ้อ ยอดรายรับเดือน ธันวาคมของผมคือ 1,864 USD หรือ ประมาณ 63,000 บาท ไม่เลวเลยสำหรับมือใหม่อย่างผม ทั้งหมดเริ่มจาก Amazon Bestseller+ Market Research

วิธีหา Follow Twitter

อย่างที่ผมบอกไว้ว่า
การที่เราจะประสบความสำเร็จ กับการหาหมากกะตังค์ กับ Twitter นั้น ขึ้นอยู่ว่าจะมีคนมา Follow เรา หรือติดตามเรามากแค่ไหน และคนกลุ่มนั้นควรเป็นเป้าหมายของเราด้วย
และตอนนี้เราก็สมัคร Twitter แล้ว Twitter ที่ได้มาจะไม่มีประโยชน์อันใดเลย เนื่องจากไม่มีคน Follow และเงื่อนไขการ Follow ก็จำเป็นเสียด้วยว่าต้องเป็นกลุ่มเป้าหมาย เพื่อความสำเร็จโดยเฉพาะขายสินค้า
และเจตนารมณ์ที่ ผมสอนเพื่อน ๆ สมัคร Twitter นี้ก็เพราะเป็นการใช้หนี้ที่ค้างไว้ เนื่องจากรับปากไว้ว่าจะสอนหาเงินกับ Amazon Bestseller ในขณะที่ศึกษาเรียนรู้มัน เอาล่ะ เรามาหาคน Follow Twitter เรากันดีกว่า
พระเอกของเราในวันนี้คือเว็บไซต์ Twellow.com Twellow.com เป็นเหมือนสมุดหน้าเหลืองของ Twitter เว็บไซต์นี้จะมีรายชื่อมากมาย เราสามารถเลือกได้ว่า อยากได้กลุ่มคนที่สนใจเรื่องไหน อาชีพอะไร อยู่ภูมิภาคไหน ประเทศอะไร ที่สำคัญ มันทำให้เรา Follow ง่ายและฟรี !! ยิ่งมีเครื่องมือ ยิ่งเทพ + แจ่ม มาดูวิธีการกันเลย

วิธีหาFollow Twitter ด้วย Twellow.com

  • ก่อนอื่นต้องมี Twitter Account ก่อน ถ้าไม่มี ที่นี่ วิธีสมัคร Twitter.com
  • และต้องสมัครสมาชิกับ Twellow.com ให้ไปที่ www.Twellow.com แล้วมองหา Register for FREE ทางด้านขวามือ ให้คลิ๊กแล้วจะมีหน้าต่าง ป๊อปอัพให้กรอกรายละเอียด
    วิธีหา Follow Twitter
    วิธีหา Follow Twitter
  • กรอก Twitter Username ,Twitte Password,Email Address เสร็จแล้วคลิ๊กที่ Register เลยครับ (ก่อนสมัครต้องโพสแรกบน Twitter ซะก่อนครับ Hello ก็ได้)
  • เมื่อรีจิสเตอร์เรียบร้อยให้คลิ๊กที่แท๊บ All Categories ด้านบน แล้ว Twellow จะพาเรามาที่หน้า All Twellow Categories
  • ให้เลือกหัวข้อที่คิดว่าตรงกับเรามากที่สุดแล้วคลิ๊กที่ Addme เพื่อ Add Profile ของเราเข้าใน Categories เวลาที่มีคนมาหาข้อมูลใน Twellow โดยเลือกตาม Categories จะเจอโปรไฟล์ของเราเพื่อ Follow ในที่นี้อาจเป็นลูกค้าของเราในอนาคตก็ได้ อย่างผมเลือก Consumer Product,Electronics Product และอื่น ๆ (เลือกได้หลาย Categories ครับ)
    วิธีหา Follow Twitter
    วิธีหา Follow Twitter
และตอนนี้ก็ถึงขั้นตอนสำคัญที่สุด คือการ Follow Twitter คนอื่น เพื่อรอให้มีคนตาม Follow เรากลับ โดยปกติ Twitter จะอนุญาติให้เรา Follow คนอื่นได้ 2,000 Follow
โดยการ Follow คุณจะสามารถ Follow ตาม Categories ก็ได้ โดยให้ใช้หลักการตลาดเข้ามาช่วย ให้คิดว่าคนกลุ่มไหนน่าจะซื้อสินค้าเรามากที่สุด
อีกแบบหนึ่งคือ Follow ตามภูมิภาคโดยผมจะใช้แบบนี้ซะเป็นส่วนมากครับ แต่จริง ๆ ก็ใช้ทั้งสองแบบ เพราะว่าเราหวังให้คน Follow เรากลับซึ่งไม่สามารถกำหนดได้ มาดูวิธีการ Follow กันเลยครับ
  • ให้ใช้ช่องเสริชด้านบน โดยใส่ ข้อความที่ต้องการเข้าไป ตัวอย่างของผมต้องการคน Follow จาก สหรัฐอเมริกาเท่านั้นก็ใช้ USA ครับ แล้วก็เสริชเลยเสร็จแล้วจะมีปุ่ม Follow ด้านข้าง ก็กด Follow ได้เลยครับ ง่ายมาก ๆ ยิ่งใช้ iMacro ด้วยนะ ปรึ้ด ๆ เร็วมาก ๆ
    วิธีหา Follow Twitter
    วิธีหา Follow Twitter
มีทริคนิดนึงสำหรับผมจะไม่ฟอลโล่คนที่อยู่หน้าแรก ๆ หรอกครับรู้สึกว่าจะเป็นคนดังไปหน่อย ไม่กล้า ผมจะเริ่มฟอลโล่ หน้าที่ 50 ขึ้นไปนู่น
เมื่อ Follow เสร็จแล้วก็รอคน Follow กลับ มากน้อยขึ้นอยู่กับว่าคุณอัพเดทเนื้อหาบ่อยแค่ไหน และต่อไปก็เริ่มโพสสินค้า Amazon เพื่อรอรับค่าคอมมิสชั่นได้เลย

หารายได้กับ Amazon ด้วย Twitter.com

บทความหน้าผมจะมาไขให้ครับว่า ต้องทำยังไง หาิเงินยังไงจากหน้า Amazon Bestseller ที่สำคัญไม่ต้องควักกะตังค์สักแดงเดียว ไปล่ะสวัสดีครับ
ด้านบนคือคำสัญญาจากหนุ่มหน้าตาดีคนหนึ่ง ซึ่งเค้ากล่าวไว้ตอนเขียนเรื่อง รู้จักกับ Amazon Bestseller แต่จนแล้วจนรอดก็ไม่ได้เขียนสักที จนมีเสียงติงจากแควน ๆ ว่า
ปล.คุณนอทยังติดเรื่อง “หาิเงินยังไงจากหน้า Amazon Bestseller” ยังไม่ได้เขียนต่อเลย รออ่านอยู่นะคะ
และแล้วเค้าคนนั้นก็รู้สึกผิด และขอยอมรับผิดเนื่องด้วยว่าผมลืมจริง ๆ ลืมแบบไม่ต้องสงสัยเลย มา ๆ และวันนี้โอกาสอำนวยแล้วเนื่องจากผมเพิ่งเขียนบทความเรื่อง  การวิจัยตลาดเพื่อขายสินค้ากับ Amazon และมีส่วนหนึ่งกล่าวไว้ว่า “หลัง จากอ่านจนเข้าใจได้ระดับหนึ่งแล้ว ผมแนะนำให้ถกแขนเสื้อเข้าไปลุยป่า Amazon เลยครับ โดยให้เน้นไปที่ Amazon Bestseller นั่นล่ะครับ เข้าไปดูมันทุกหน้า ไปวิเคราะห์ ดูว่าเค้าซื้อสินค้าอะไรกัน อะไรที่มันขายดี ในช่วงเวลานั้น ๆ”
ไหน ๆ เพื่อน ๆ ก็จำเป็นต้องถกแขนเสื้อลุยป่า Amazon แล้วและจำเป็นต้องใช้เวลาอยู่กับ มันนานเสียด้วยกว่าจะเข้าใจมันอย่างถ่องแท้ คงจะดีไม่น้อยถ้าเราสามารถหารายได้จากการเสียเวลาตรงนี้ได้
แต่มันก็มีข้อเสียอยู่บ้าง คือเพื่อน ๆ จะต้องเสียเวลาเพิ่มอีกนิดหน่อย แต่ผมว่าถ้ามีรายได้เข้ามาบ้างพอเป็นกำลังใจ แม้จะแค่ $1 แต่ถ้ามันเป็นชิ้นแรกแล้วละก็ ความรู้สึกจะเหมือนเพื่อน ๆ ขาย HDTV ได้หนึ่งตัวทีเดียว ผมรับประกัน
พระเอกของรายการนี้คือ Twitter.com ครับ

หารายได้กับ Amazon ด้วย Twitter.com

  • ก่อนอื่นเพื่อน ๆ ต้องมีบัญชีกับ Twitter ก่อนครับ วิธีการสมัคร Twitter.com และควรจะมีคน follow เพื่อน ๆ พอสมควร การหา follow Twitter
  • ล๊อคอินเข้า Amazon Associates ให้เรียบร้อยครับ
  • เพื่อความสะดวกให้ล๊อคอินเข้าหน้า Twitter ของเราไว้ให้เรียบร้อยด้วยครับ
  • เสร็จแล้วให้มาหน้า Amazon Bestseller หลังจากนั้นก็เป็นเวลาศึกษาเทรน และดูว่าคนอเมริกาเค้าซื้ออะไรกันในช่วงเวลานั้น ๆ ซึ่งตรงนี้เป็นสิ่งที่ผมอยากให้เพื่อน ๆ ทุกคนทำความเข้าใจกับมันให้ได้ ถ้าคุณเข้าใจ Bestseller ของ Amazon แล้วล่ะก็ ความสำเร็จกับ Affiliate เจ้านี้ก็อยู่แค่เอื้อม แต่ตอนนี้เราจะฉวยโอกาสในการศึกษา หาความรู้นี่ล่ะ มาฉวยโอกาสหารายได้กัน
  • เมื่อเลือกสินค้าที่ต้องการใน Amazon Bestseller ได้แล้ว ให้มองที่เมนูด้านบนในแถบของ Site Stripe เราจะเห็น ไอคอน Share on Twitter ใ้ห้คลิ๊กที่ปุ่มนั้นได้เลย (สำหรับหลักการหาสินค้าและศึกษา Amazon Bestseller นั้นผมได้เขียนไว้แล้วครับ )
    หารายได้กับ Amazon ด้วย Twitter.com
  • หน้าต่างใหม่จะถูกเปิดขึ้นมา และถูกพาไปหน้า Twitter ของเราที่ล๊อกอินไว้โดยอัตโนมัติครับ แ่ละในส่วนนี้จะมีรายละเอียดสินค้าสั้น ๆ และลิงค์กลับมาที่ Amazon ไว้ให้เราเรียบร้อย ถ้าไม่ต้องการเพิ่มเติมอะไร ก็สั่งอัพเดทได้เลย
    แต่ในตัวอย่างผม จะใส่ข้อความโฆษณาเข้าไปหน่อยนึงเพื่อความน่าซื้อครับ “Buy at Amazon! Qualified orders over $25 ship free” ประมาณว่าถ้าซื้อกับอเมซอนด้วยราคาที่มากกว่า $25 ส่งฟรี ตรงนี้เป็นหลักการตลาดง่าย ๆ ครับ เมื่อแต่งหน้าทาปากแล้วผมก็จะ Update แล้วก็รอว่าจะมีคน Order กลับแล้วครับ
    หารายได้กับ Amazon ด้วย Twitter.com
เป็นไงครับง่ายไหมเอ่ย หลังจากนั้นก็ ย้อนกลับไปดูที่ Amazon Bestseller ใหม่ มีอะไรน่าสนใจก็เอามาอัพเดทอีก ทีนี้เวลาที่เพื่อน ๆ หาความรู้ศึกษาเทรน กับ Amazon เพื่อเลือกสินค้ามาทำตลาดอย่างจริง ๆ จัง ๆ ก็ไม่เสียเปล่าแล้วครับ
มีทริคอยู่นิดหนึ่งว่าเวลาเพื่อน ๆ จะอัพเดทสินค้าขึ้นทวิตเตอร์ควรเป็นช่วงที่คนอเมริกากำลัง ท่องอินเตอร์เน็ตกัน และเป็นช่วงเวลาที่ เค้าอยากซื้อสินค้าครับ กระซิบนิดหนึ่งว่าเวลาอเมริกา ต่างกับไทย กลางวันเป็นกลางคืน กลางคืนเป็นกลางวัน แล้ว+ ไป 3 ชั่วโมงครับ

Amazon และ ฤดูกาล

การเลือกตลาดของสินค้า ที่เราจะขายใน Amazon นั้นผมได้เอ่ยถึงไปบ้างแล้ว ในบทความ “การวิจัยตลาดเพื่อขายสินค้ากับ Amazon”
ในบทความที่เคยเขียนไว้ได้กล่าว คร่าว ๆ กว้าง ๆ ถึงการวิเคราะห์และวิจัยตลาดโดยทั่วไป
สำหรับบทความนี้ผมจะมากล่าวถึงการลงลึกลงไปเลือกตลาดในการขายสินค้า
การเลือกตลาดโดยทั่ว ๆ ไปนั้น พอจะจำแนกได้กว้าง ๆ คือ
  1. ตลาด Mass หรือตลาดที่มีการแข่งขันสูง
  2. ตลาด Niche หรือตลาดเฉพาะกลุ่ม ตลาดที่มีความจำเพาะเจาะจงสูง มีรูปแบบสินค้าและบริการตายตัว Keyword ของตลาดพวกนี้ก็จะเป็นคีย์เวิร์ดยาว ๆ จำเพาะเจาะจงระบุรุ่น หรือยี่ห้อของสินค้า
  3. ตลาดตามฤดูกาล ตลาดแบบนี้คือตลาดเฉพาะช่วงเวลาหรือเทศกาลต่าง ๆ ซึ่งโดยธรรมชาติของตลาดแบบนี้จะอยู่ในรูปแบบของ ความจำเป็น ในการใช้สินค้ามากกว่า ความต้องการ (ถ้าเปรียบเทียบตามหลักการตลาด ซึ่งเราต้องวิเคราะห์หาความจำเป็น และความต้องการของมนุษย์ เพื่อหาสินค้ามาตอบสนอง)
ตลาดตามฤดูกาลเป็นตลาดที่ผมสนใจและ มี คีย์เวิร์ดอยู่ในครอบครองมากที่สุด จริงอยู่เมื่อหมดฤดูกาลแล้วสินค้ากลุ่มนี้จะขายไม่ได้ เราจำเป็นต้องหาสินค้าของ ฤดูกาลหรือเทศกาลใหม่ ๆ มารองรับอีกเพื่อให้เราขายได้ตลอดทั้งปี
แต่ผมพบความจริงที่ว่าการทำตลาดแบบนี้ จะเหนื่อยแค่ปีแรก เพราะเมื่อเราได้คีย์เวิร์ดมาครอบครองแล้วเมื่อปีหน้า ฤดูกาลหรือเทศกาลนั้น ๆ มาถึงอีก เราก็ไม่ต้องทำอะไรเลย แค่นั่งดูสินค้าที่มันถูกขายออกไปเรื่อย ๆ ก็เท่านั้น
แล้วคุณล่ะมองสินค้าอะไรไว้รองรับฤดูกาลของอเมริกาที่เปลี่ยนไปทั้งปีบ้างหรือยัง

เทคนิคการเขียนบทความภาษาอังกฤษด้วย Google

ข้อมูลสรุปนี้ไม่พร้อมใช้งาน โปรด คลิกที่นี่เพื่อดูโพสต์

3 วิธีรวยกับ SEO นอกจากที่รู้ๆ กัน

เมื่อกี้ นี้ผมกำลังพิมพ์ไทเทิ้ลนี้อยู่ “3 วิธีรวยกับ SEO” แต่ก็เผอิญอีกเช่นกันที่ผมดันพิมพ์เร็วไปหน่อย พิมพ์ผิดจาก O เป็น X – มันเลยกลายเป็น 3 วิธีรวยด้วย SEX…. เอาล่ะ นั่นไม่ใช่ประเด็นที่ผมจะมาเล่านี้วัน แต่สิ่งที่ผมจะมาบอกในวันนี้ก็คือวิธีทำมาหากินจาก SEO
หลายคนรู้วิชา SEO แต่ก็ได้แต่เอาไปทำ AdSense, Affiliate ที่พอไม่สำเร็จรอไม่ไหว ก็ต้องทิ้งวิชา SEO ไปโดยเสียเปล่าโดยลืมไปว่ามันยังมีวิธีหากินที่รุนแรงและทำเงินได้มากมาย อื่นๆ อีกหลายวิธีจากการมีความรู้เรื่อง SEO เล็กๆ น้อยๆ ไม่ต้องขั้นเทพหรอกครับ เรื่อง SEO ถ้ารู้นิดเดียว แต่ถ้าเทียบกับคู่แข่งคนทำเว็บอื่นๆ ในประเทศไทยที่ส่วนใหญ่ยังใหม่ในเรื่องนี้ ก็เท่ากับว่าเรารู้มากพอแล้วล่ะ
สูตรการทำ SEO ที่มีประสิทธิภาพที่สุดในยุคนี้สำหรับผมแล้วคือ WordPress + Plugin SEO + Set Permalink + Sitemap + โดเมนเนม .com + ใส่บทความที่ไม่ซ้ำใครซัก 2-3 อาทิตย์ แค่อาทิตย์ละ 3-4 บทความเท่านั้น = Google หน้า 3 > หน้า 2 ได้สบายๆ ภายในเวลาไม่ถึงเดือน ที่เร็วขนาดนี้ผมหมายถึงตลาดออนไลน์ไทยนะครับ อย่าเข้าใจผิด เพราะตลาดออนไลน์คู่แข่งเว็บในไทยแล้วล่ะก็ยิ่งง่ายมากใช้เวลาน้อยกว่าตลาด อินเตอร์มาก การบุกตลาดไทยด้วยการทำ SEO นี่เองที่หลายคนลืม เพราะมัวแต่หาเงินเข้าประเทศกันเพลินไปหน่อยจาก Affiliate, AdSense หรือมัวแต่คิดถึงแต่การหากินกับเว็บ Affiliate เดิมๆ
เอาล่ะถ้าคุณสนใจจะหารายได้เสริม หรืออกหักจาก Affiliate ต่างๆ จากต่างประเทศ ลองหันมาบุกตลาดทำเงินในไทยบ้างก็ไม่เห็นเสียหาย เพราะสุดท้าย ขายของให้คนไทย คุยกันคนไทยกันเอง ก็น่าจะเป็นสิ่งที่ทุกคนถนัดกันอยู่แล้ว ใช่ไหมล่ะครับ นอกจากนี้ก็จะมีวิธีการหากินอีกมากมายด้วยการเป็นตัวกลางการค้า เพียงคุณเปิดร้านออนไลน์ ติดต่อสินค้าจากจีนให้เขาส่งสินค้าให้ เท่านี้ก็รวยได้ด้วย SEO แล้วล่ะครับ
เอาล่ะครับ เพื่อไม่ให้เสียเวลา ต่อไปนี้คือวิธีหาเงินอื่นๆ ของผมจากการทำ SEO ด้วยเว็บที่เจาะกลุ่มลูกค้าคนไทย และทั่วโลกจากการเป็นพ่อค้าคนกลาง ทั้ง 3 วิธี:

1. ทำบล็อก E-Commerce ไทยขายสินค้าจากจีน

ด้วยคีย์เวิร์ดสินค้า Gadget Electronic ต่างๆ แล้วรับสินค้ามาขายในไทยจากโรงงานที่จีน ที่ขายราคาส่งถูกแสนถูก ทำกำไรได้ 150%-200% สบายๆ สินค้าพวกนี้หาได้ง่ายๆ จาก Tradekey.com, Made-In-China.com และ Alibaba.com ลองเข้าไปแล้ว Browse หรือ Search ดูจะเกิดนิมิตเอง หรือถ้าอยากรู้ว่าสินค้าอะไรขายดีก็ไปดูที่ eBay จากจำนวน Bid สินค้าก็จะรู้เองว่าตอนนี้อะไรขายดี แล้วค่อยมาหาตามเว็บที่ว่าก็อาจจะช่วยประหยัดเวลาการค้นหาได้มาก
นอกจากนั้นก็มีการฟอร์มว่าตัวเองเป็นโรงงาน แล้วรับสินค้าจากโรงงานจีนอีกทีก็มีให้เห็นมากมาย มีสินค้าอยู่ตัวหนึ่งที่ผมขายอยู่ (บอกได้แค่เป็นเครื่องไฟฟ้าชนิดหนึ่ง) ทั้งๆ ที่ในจีนมีโรงงานที่ทำสินค้านี้แค่ 7 โรงงาน แต่ใน Tradekey.com มีผู้ขายสินค้าตัวนี้เป็นร้อยๆ เจ้า ส่วนใหญ่อ้างว่าตัวเองเป็นโรงงานด้วยซ้ำ แถมยังทำตลาดได้ดีกว่าตัวโรงงานเองซะอีก เผลอๆ จะรวยกว่าโรงงานด้วย เพราะตัวเองแค่ทำ SEO ทำเว็บ ไม่ต้องลงทุน ไม่เสียภาษี ไม่ต้องแบกค่าใช้จ่ายอะไรเลย การค้าออนไลน์นี่มันช่างสุดยอดจริงจริ้ง

2. โฆษณาสินค้าเพื่อ Drop Shipping ไปทั่วโลก

วิธีนี้สำหรับเว็บ Inter จากเว็บที่เป็นแหล่งหาโรงงานสินค้าจากจีนที่ว่าไปตอนต้น คุณรู้หรือไม่ว่ามีโรงงานมากมาย พร้อมที่จะส่งสินค้าไปทั่ว โลกให้คุณในราคาส่ง โดยที่ไม่บังคับว่าคุณต้องสั่งสินค้าครั้งละมากๆ เลย (ไม่มี Minimum Order Quantity หรือ MOQ)ไม่ต้อง Stock ของ ไม่ต้องจ่ายเงิน แค่หาลูกค้ามาซื้อสินค้า แล้วคุณก็สั่งสินค้าโดยตรงจากโรงงานจีนต่างๆ ที่คุณไว้ใจ ที่คุณคุยแล้วเห็นเว็บแล้ว โทรตรวจสอบแล้วว่าไว้ใจได้ แต่จะไว้ใจได้ยิ่งกว่าถ้าโรงงานนั้นๆ เป็น สมาชิกประเภทจ่ายเงิน (gold member) ของเว็บ Tradekey.com, Made-In-China.com และอะไรพวกนั้น รับรองเชื่อถือได้แน่นอน (แต่ผมไม่ขอบอกนะครับ คุณต้องหาเอง จะได้รู้จักระวังได้เองต่อๆ ไป)
คุณอาจจะคิดว่าผมคิดไปเองหรือเปล่าว่าวิิธีนี้จะหาเงินได้จริง ไม่หรอกครับ ผมถึงบางอ้อก็ตอนช้อปปิ้งออนไลน์จากประเทศแถวๆ บ้านนี้เอง เช่น คุณเปิดเว็บขึ้นมา ใส่สินค้าเครื่องไฟฟ้าจากโรงงานที่คุณ Deal ไว้เต็มร้าน แต่เว็บคุณแค่ทำหน้าที่แค่เป็นหน้าร้านที่มีโรงงานจากประเทศจีนคอยส่งสินค้า ให้คุณ ทุกครั้งที่ขายได้ คุณก็ได้ส่วนต่าง และส่วนต่างที่มากซะด้วย ถ้าคุณเลือกโรงงานที่ขายส่งได้ถูกมากๆ ซึ่งส่วนใหญ่ก็ต้องถูกอย่างแล้วเพราะก็รู้ๆ กันอยู่ โรงงานประเทศจีน แข่งการค้ากันจนแทบจะเหยียบกันตาย

3. สร้างเว็บ/ บล็อกนายหน้า

วิธีนี้คุณแค่ทำเว็บแล้วก็ต้องใช้โทรศัพท์บ่อยหน่อย เพราะมันคืออาชีพการเป็นนายหน้าให้สินค้าหรือบริการสำหรับคนไทย ซึ่งคุณจะต้องหาเองว่าในไทยนี้มีอาชีพนายหน้าอะไรกันบ้างที่ให้เงินดี หาว่ามีบริการหรือสินค้าอะไรในไทย ที่รับนายหน้าหรือรับคนทำ Affiliate บ้าง สุดท้ายคำว่า Affiliate ก็คือนายหน้านั่นเอง แต่คราวนี้เรามาประยุกต์ใช้กับสินค้าห้างร้าน หรือบริการที่อยู่ในไทย เช่น ซื้อขายรถมือสอง บ้านมือสอง ที่ดินมือสอง….(ผมบอกใบ้ได้แค่นี้นะครับ ผมไม่อยากเป็นสาเหตุให้หม้อข้าวคนอื่นถูกทุบ)
วิธีทำก็แค่จดโดเมนเนมชื่อไทยชื่อนั้นด้วย .com จากนั้นก็ทำบล็อกด้วยกลยุทต์ SEO จากวิธีง่ายๆ ที่ผมบอกไป WP + SEO Plugin + Unique Content ภาษาไทยที่ให้ความรู้เกี่ยวกับคีย์เวิร์ดหรือตลาดที่ทำ จากนั้นรอให้ติดอันดับ Google ซึ่งไม่น่าจะเกิน 1 เดือน ถ้าบทความคุณน่าอ่าน มันจะขึ้นไปหน้าแรกได้เลย ที่เหลือก็รอนั่งรับโทรศัพท์ลูกค้า จากนั้นเมื่อลูกค้าโทรมา คุณก็โทรไปยังแหล่งเงินแหล่งสินค้าที่คุณทำงานให้เขา แล้วรอรับเงิน วิธีนี้จากรายได้เสริม ก็อาจเป็นรายได้หลักได้ภายในเวลาไม่ถึงปี
อย่าลืมว่า การทำ SEO ก็ไม่จำเป็นต้องมีบล็อกของตัวเอง ก็ได้ ยังมีเนื้อที่เว็บฟรีๆ ให้ใช้ได้มากมาย ลองค้นใน Google คุณก็จะพบเอง ด้วยการใช้วิธี SEO คุณก็จะสามารถใช้เนื้อหาฟรีๆ เหล่านั้นหากิน ทำอันดับ Google ได้เช่นกัน เหมือนกับที่คนไทยมากมายกำลังทำกันอย่างไม่เข้าใจเรื่อง SEO แต่ก็ทำกันได้ และหาเงินกันได้ ลองนึกดูว่าถ้าคุณรู้เรื่องเรื่อง SEO เช่น การฝากลิงก์ และเรื่องบทความ คุณก็แน่ใจได้เลยว่า คุณจะเอาชนะคู่แข่งได้อีกเป็นพันเป็นหมื่นได้ง่ายบน Google (วงการออนไลน์ไทยนะครับที่ผมพูดถึงนี้)
เอาล่ะครับ ถ้าอ่านแล้วยังไม่เข้าใจ แสดงว่าคุณยังไม่พร้อมที่จะรวย ผมบอกได้แค่นี้แหละ แต่ถ้าวันใดๆ อ่านแล้วอ่านอีก แล้วถึงบางอ้อได้ นั่นแหละถึงเวลารวยของคุณแล้ว วันนี้ฝากไว้แค่นี้ก่อนครับ ถ้าคนเรานั่งคิดถึงเรื่องการหาเงิน ทางสว่างมันก็จะบังเกิดเองครับ รับรอง (แต่ต้องสุจริตเท่านั้น)
บทความนี้บอกตรง ๆ ว่าผมก๊อบมาทั้งดุ้นจริง ๆ เนื่องจากตัดใจเอาออกไม่ไ้ด้สักประโยค จะรีไรท์ (ขโมยบทความ ในสมองชาวบ้านว่างั้น ไม่ดี ๆ อย่าทำ) ก็คงทำไม่ได้ สีมือไม่ถึงจริง ๆ
บทความนี้เป็นของ Blog http://www.digitalmoneylife.com/ ของคุณอนุชาถ้าพวกคุณอยากได้ครวามรู้เกี่ยวกับ การหาเงินทางอินเตอร์เน็ตที่มัน Advance กว่าบอร์ด เสียวสมุทรปราการนี่แล้วละก็ จงตามลิงค์ไปเถิด ผมรับประกันว่าไม่ผิดหวังแน่นอน

รู้จักกับ Amazon Bestsellers

หลังจากผมแวะรายทางไปกับเรื่องของ Hostgator ซะหลายวัน แต่ผมคิดว่ามันคงเป็นประโยชน์สำหรับ ท่านที่ต้องการเช่าโฮสเพื่อทำ Amazon,Adsense และ Affiliate เจ้าอื่น ๆ ในสายที่ต้องมีการลงทุนนิดหน่อยก่อนซึ่ง ผลตอบแทนมันก็ต้องได้มาไวกว่าแบบทำฟรีแน่นอนครับ (แต่ผมไม่ได้บอกว่ามันมากกว่า มันอยู่ที่กลวิธีการทำ)
แต่ก่อนที่เราจะมาต่อกันที่ขั้นตอนการทำเงินกับ Amazon แบบไม่ต้องควักกระเป๋าเลยสักแดง…
ผมอยากแนะนำให้ทุกท่านรู้จักกับ Amazon Bestsellerซึ่งมันจะทำให้ทุกท่านได้เข้าใจระบบการทำงานของ เว็บไซต์ Amazon.com ได้มากขึ้น
ผมไม่อยากให้ทุกท่านข้ามขั้นตอนนี้ไปเด็ดขาดเนื่องจากว่า ถ้าท่านจะทำเงินกับเค้าก็ควรรู้ระบบ ตื้นลึกหนาบางของที่นั่นก่อนแล้วไอ้วิธีที่ผมจะสอนนี้มัน ทำให้เราได้อยู่ในโลกของ Amazon เพื่อศึกษาโดยไม่เสียประโยชน์แถมยังง่ายเสียด้วย
หลักการประสบความสำเร็จในการทำขายสินค้า ไม่ว่าจะเป็น Amazon,Adsense หรือ Affiliate เจ้าอื่น ๆ ก็คือสินค้าครับ เราต้ิองเข้าใจในตัวสินค้า และหาให้เจอว่าตลาดต้องการอะไรเพื่อนำความต้องการนั้น ๆ มาเติมเต็มให้ลูกค้าเราเราก็จะประสบความสำเร็จผมจะยกตัวอย่างดังนี้
  • Amazon สินค้าคือ ตัวสินค้าที่เรานำมาเลือกทำขาย
    Amazon Bestsellers
    Amazon Bestsellers
  • Adsense สินค้าคือเรื่องที่คนสนใจ ยิ่งคนสนใจมากแสดงว่าสินค้าเรามีคุณภาพ ซึ่งรูปธรรมของสินค้า Adsense คือ Keyword ครับ เรื่องการหาหรือ ตรวจสอบคีย์เวิร์ดดี ๆ  ตามไปที่นี่เลยครับ  ประเภทของ Keywords ซึ่ง เรื่องของ Keyword นี่เป็นเรื่องที่ต้องทำความเข้าใจกันยาวเลยทีเดียว เพราะถ้าคุณจะหาเงินในอินเตอร์เน็ต คุณจะต้องเข้าใจมัน เหมือนคุณเข้าใจตัวเองแล้วคุณจะประสบความสำเร็จอย่างสูง มีเวลาผมจะมาต่อเรื่องคีย์เวิร์ดแล้วกันกลับไปที่เรื่องของเราก่อนครับ
  • Affiliate เจ้าอื่น ๆ สินค้าคือสิ่งที่เราหยิบจับมาขาย อย่างเช่น โฮส ขายโฮสแล้วได้ค่าคอมประมาณนี้ ซึ่งก็หนีไม่พ้นเรื่องคีย์เวิร์ดอยู่ดี ว่าคำไหนมีคนค้น จริง ๆ แล้วค้นอย่างเดียวไม่พอ ต้องค้นแล้วซื้อด้วย เพราะคีย์เวิร์ดบางตัวค้นอย่างเดียวแต่ไม่ซื้อ
เอาละทีนี้เมื่อเข้าใจตรงกันแล้วว่าคีย์่ของความสำเร็จคืออะไร ผมก็จะบอกลายแทงของอเมซอนแล้วกัน สิ่งที่ทำให้คนขายอเมซอนขายของได้คือ ขายของที่มันเคยขายได้แล้วขายดี
เวลาผมจะเข้าไปหาของมาขาย ผมจะไปที่ Bestseller ของ Amazon Amazon Bestsellers แล้วก็วิเคราะห์ว่ามีสินค้าอะไรน่าสนใจแล้วจึงเลือกมาทำตลาด โดยมีขั้นตอนง่าย ๆ โดยผมจะวิเคราะห์จากสี่ข้อดังต่อไปนี้
  1. in Stock มีัสินค้าอยู่ในโกดังของ Amazon เมื่อลูกค้าสั่งแล้วจะมีของส่งให้ทันที ส่งเร็วก็ได้ค่าคอมเร็วครับ
  2. Free Shipping สินค้าตัวนี้ส่งฟรีครับ ของฟรีใครก็ชอบ ยิ่งคนที่ Shopping ผ่านอินเตอร์เน็ต ก็ไม่อยากขนของอยู่แล้ว เมื่อส่งฟรีเค้าก็ตัดสินใจซื้อได้ง่ายขึ้น (มีข้อสังเกตุอยู่อย่าง เมืองไทยของที่ขายทางอินเตอร์เน็ตต้องเป็นของเล็ก ๆ ที่ไม่ต้องดูลายละเอียดมาก อย่างเช่น ที่ทารักแร้เต่าเหยียบโลก ถุงยางโอกามิ แต่เมืองนอกของที่ขายได้ส่วนใหญ่จะเป็นของใหญ่ ๆ ที่ไม่สามารถเอาเข้ารถเก๋งได้อย่าง HDTV เพราะเค้าขี้เกียจขนนั่นเอง)
  3. Customer rating ที่เป็นรูปดาวนั่นละครับยิ่งมีเยอะ แสดงว่าคนที่ซื้อไปแล้วได้รับความพอใจมาก มันเป็นตัวที่ช่วยให้ลูกค้าเราตัดสินใจได้ง่ายขึ้นนั่นเอง
  4. Customer reviews จำนวน คนที่มาแสดงความคิดเห็น และให้่คะแนนกับสินค้าชิ้่นนี้ครับ ยิ่งจำนวนคนมาแสดงความคิดเห็นมาก ยิ่งน่าจับสินค้าตัวนี้มาโปรโมตครับ แสดงว่าได้รับความนิยมสูงและมันยังเป็นเครื่องการันตีด้วยครับว่า กระแสความต้องการของสินค้าชิ้นนี้มีมากน้อยเพียงใด
Amazon Bestsellers
Amazon Bestsellers
สำหรับเมื่อก่อนตอนที่ผมเริ่มหัดทำ Amazon นั้นช่วงที่ผมท่องไปในหน้า Amazon Bestsellers นั้นผมไม่เคยได้อะไรนอกจากความรู้และเทรนสินค้าต่างๆ แต่ณ.ปัจจุบันคุณสามารถเริ่มทำเงิน กับ Amazon.com ตั้งแต่คุณเริ่มศึกษาเลยทีเดียว แถมวิธีดังกล่าวยังฟรีอีกด้วย พวกคุณนี่ช่างโชคดีซะจริง ๆ (ถ้ารู้วิธีมันนะ)
บทความหน้าผมจะมาไขให้ครับว่า ต้องทำยังไง หาิเงินยังไงจากหน้า Amazon Bestseller ที่สำคัญไม่ต้องควักกะตังค์สักแดงเดียว ไปล่ะสวัสดีครับ

วิธีการเลือกสินค้า Amazon

วันนี้เรามาว่ากันเรื่อง การเลือกสินค้า Amazon กันดีกว่า ว่าเราควรขายสินค้าตัวไหน ตลาดไหน ช่วงเวลาไหน ก่อนอ่านบทความนี้ผมอยากให้ย้อนไปอ่านบทความเรื่อง รู้จักกับ Amazon Bestseller กันก่อน
เรื่องการทำความรู้จักกับ Amazon Bestseller นั้นเป็นสิ่งจำเป็นถึงจำเป็นมากที่สุดในการทำตลาดขายสินค้ากับ Amazon เนื่องจาก Bestseller จะบอกให้เรารู้ได้ว่า เค้านิยมซื้ำอสินค้าอะไรกันในช่วงเวลานั้น ๆ แต่ Amazon Bestseller ก็ยังไม่ใช่ที่สุดของการเลือกหาสินค้ามาทำตลาด มาโปรโมตเนื่องจากยังมีปัจจัยอื่น ๆ อีกมากมายในการเลือกสินค้าที่ทำเงิน
สำหรับวิธีการเลือกสินค้าที่ทำเงินใน Amazon.com นั้นผมมีแนวทางหลัก ๆ คือ
  • สินค้านั้น ๆ ต้องเป็นที่ต้องการของตลาด คือเราจำเป็นจะต้องเลือกสินค้าที่มีคน ค้นหา และมีคนซื้อ และการซื้อนั้น ๆ จะต้องเกิดขึ้นบนอินเตอร์เน็ต
  • สินค้านั้น ๆ ต้องมีคู่แข่งที่ไม่เยอะจนเกินไป ซึ่งข้อนี้จะคัดง้างกับข้อแรกอย่างรุนแรง เนื่องจากสินค้าที่เป็นที่ต้องการของตลาด ก็จำเป็นต้องมีคู่แข่งมากตามไปด้วย แต่เนื่องจาก Amazon มี สินค้าให้เลือกทำตลาดมากมายเหลือเกิน จึงไม่เป็นการยากเกินไปนัก ที่จะหาสินค้าที่เข้าหลักเกณฑ์ทั้งสองข้อได้ ก็คือสินค้าที่เป็นนิช คือ มีคนค้นหา มีคนซื้อ และที่สำคัญ คู่แข่งน้อย
  • สินค้าต้องมีราคาถูก หรือไกล้เคียงกับเว็บไซต์อื่น ๆ และเงื่อนไขในการส่งสินค้าต้องรวดเร็ว มีสินค้าอยู่ในสต๊อค (หลัง ๆ นี่ผมพบปัญหาบ่อยคือสินค้า ที่ถูก Order มาค้างไว้ แต่ไม่ถูกส่งออกไปให้ลูกค้า ทำให้เราไม่ได้ค่าคอมมิสชั่น)
  • สินค้านั้น ๆ จะต้องเป็นสินค้าที่ “ถูกที่ ถูกเวลา” ยกตัวอย่างเช่น ขณะนี้เป็นหน้าหนาวของฝั่งอเมริกา หิมะตก ผมจะไม่สนใจร้านขายกล้องถ่ายรูปเ่ลย เนื่องจากผมเข้าใจว่า คงไม่มีใครมีอารมณ์ท่องเที่ยวสักเท่าไร และความต้องการในการซื้อกล้องถ่ายรูปก็คงน้อยตามไปด้วย ดังนั้นถ้าร้านขายกล้องถ่ายรูปจะขายไม่ได้ผมก็จะปล่อยมัน เอาเวลาไปทำ SEO ให้กับร้านขายรองเท้าใส่ลุยหิมะดีกว่า (ตัวอย่างเท่านั้นนะครับ)
และการเลือกสินค้า Amazon ยังแบ่งแยกย่อยได้อีกสามกลุ่มด้วยกันคือ
  1. สินค้าราคาถูก กลุ่มสินค้าพวกนี้จะเป็นสินค้าประเภท CD,DVD,หนังสือ,ของใช้ในบ้าน ราคาไม่ถึง 100 USD สินค้าในกลุ่มนี้จะขายค่อนข้างง่าย และขายได้เยอะ โดยที่จะทำตลาดสินค้ากลุ่มนี้เพื่อเร่งจำนวนสินค้า เพื่อให้ค่าคอมมิสชั่นที่ได้มีค่าสูงขึ้น เนื่องจาก รูปแบบของ เปอร์เซ็นต์ ค่าคอมมิสชั่นของ Amazon จะจ่ายแบบเป็นลำดับขั้น กล่าวคือ Amazon จะเพิ่มค่าคอมมิสชั่นให้ตามจำนวนสินค้าที่ขายได้ โดยไม่สนใจว่าสินค้านั้น ๆ จะมีราคาเท่าไร โดยการคิดค่าคอมมิสชั่นจะเริ่มต้นที่ 4% – 8.5% ่ของราคาสินค้า ดังตารางด้านล่าง
    Referral-fee Rates Amazon
    Referral-fee Rates Amazon
  2. สินค้าราคาแพง แต่ไม่ใช่สินค้าที่เป็น Electronic Product สินค้าที่ขายราคาจะประมาณ $150 ขึ้นไป สินค้ากลุ่มนี้จะขายยากหน่อย แต่ถ้าขายได้ในขณะที่คอมมิสชั่นเราอยู่ในเรทสูง ๆ ล่ะก็หายเหนื่อยเลยครับ
  3. สินค้าประเภท Electronic Product โดยสินค้าประเภทนี้จะจ่ายค่าคอมมิสชั่นแบบ Classic Fee Structure กล่าว คือจะจ่ายค่าคอมมิสชั่นเพียง 4% ตายตัวไม่มีเพิ่มแม้ว่าจะขายสินค้ากี่ชิ้นก็ตาม แต่ข้อดีของสินค้ากลุ่มนี้คือเป็นสินค้าที่ขายง่าย ขายออกเร็วส่งเร็ว ถึงแม้ว่าไม่มีลุ้นกับค่าคอมมิสชั่นที่มากขึ้น ผมก็ยัีงต้องขายมันอยู่ดี
สำหรับผมแล้วผมเลือกทำสินค้าทั้งสามตลาดครับ ให้สินค้าราคาถูกเพิ่มคอมมิสชั่นให้เรา และให้สินค้าราคาแพงทำยอดเงินต่อชิ้น สุดท้าย สินค้าอิเล็กทรอนิคส์ ที่ยังไงก็ขายได้ ..

การขายสินค้า Amazon แบบ ไม่เสียเงิืนสักแดง

astore
astore
บทความที่แล้วผมกล่าวถึงการทำเงิืนกับการขายสินค้าให้ Amazon โดยแบ่งออกเป็นสองแบบใหญ่ ๆ คือ
  1. การขายสินค้า Amazon แบบไม่ลงทุนสักแดงเดียว
  2. การขายสินค้า Amazon แบบมีเงินลงทุน
โดยการขายสินค้าทั้งสองแบบจะต้องอาศัยการทำอันดับใน เสริชเอ็นจิ้น หรือ SEO เข้ามาช่วย แต่ก็มีบ้างเหมือนกันที่เป็นการขายสินค้าให้ Amazon โดยไม่ต้องทำ SEO แต่เป็นการขายสินค้าที่ลงทุนสูงแต่ถ้าคุณพบช่องทางแล้ว ลงทุัน 100 อาจได้กลับมา 500 เลยก็ได้ ซึ่งวิธีนี้เรียกว่า PPC หรือ การทำ PayPerClick แต่วิธีนี้ผมจะไม่กล่าวถึงมากเนื่องจากผมทำไม่เป็น ถึงจะทำเป็นก็ไม่เชี่ยวชาญพอที่จะบอกใครได้ เอาล่ะเรามาว่ากันว่าแต่ละแบบเป็นอย่างไร
การขายสินค้า Amazon แบบไม่ลงทุนสักแดงเดียว
เป็นการขายสินค้าโดยอาศัยเครื่องมือของ Amazon ให้มาและการขายสินค้าด้วยเครื่องมือฟรีต่าง ๆ ในอินเตอร์เน็ตที่เอื้ออำนวย เช่น astore ของ Amazon เอง ดั่งเช่นในรูป หรือ ใช้ blog ฟรีที่ยินยอมให้เราทำเพื่อการค้าเช่น Blogger ของ Google เอง แต่ทั้งสองแบบนี้ถึงจะฟรี แต่เชื่อไหมครับว่ามีคนมีรายได้หลายแสนบาทต่อเดือน จากการทำการตลาดด้วยรูปแบบนี้
การขายสินค้า Amazon แบบมีเงินลงทุน
การขายสินค้าแบบนี้มีแยกย่อยอีกหลายแบบ แต่อนุมาณเป็นรูปแบบกว้าง  ๆ ได้สองแบบคือ
  1. แบบทำ SEO อาศัยช่องทางของ Search Engine เป็นช่องทางกระจายสินค้า ออกสู่ีสายตาของลูกค้าเพื่อผลทางการตลาด
  2. แบบไม่ต้องทำ SEO หรือ PPC เป็นการยอมจ่ายเงินค่าโฆษณา เพื่อทำโฆษณาสินค้าที่เราต้องการจะขายเมื่อขายได้แล้ว เอาราคาคอมมิสชั่นที่เราได้มาหักออก จากค่าโฆษณาที่เราจ่ายไปก็จะเหลือเป็นกำไร วิธีนี้เป็นวิธีที่ทำง่าย ได้เงินเร็ว แต่ก็มีความเสี่ยงในการขาดทุนเช่นกัน แต่มันก็ไม่ใช่ว่าไม่น่าทำเพราะความเสี่ยงต่าง ๆ มันควบคุมได้ด้วยตัวเราเอง ถ้าคุณเป็นเซียน PPC คุณก็ “โครตรวย” ได้ด้วยเงิืนเพียงน้อยนิด
- อนึ่งอเมซอนประกาศออกมาว่าห้ามทำการตลาดแบบ PPC เพื่อส่งสินค้าไปที่ Amazon โดยตรง แต่ยังมีการทำโดยการส่งสินค้าไปหน้า Landing Page ของตัวแทนขายที่สร้างขึ้นก่อนจะนำลูกค้าไปที่ Amazon.com อีกต่อหนึ่ง และ สำหรับเว็บไซต์ Amazon อื่น ๆ ที่อยู่นอก อเมริกาและ แคนนาดาแล้ว วิธี PPC ยังคงทำได้ตามปกติ ทั้งสองรูปแบบผมจะอธิบายด้วยภาพเพื่อความเข้าใจง่าย
Landing Page Amazon
Landing Page Amazon
Non Landing Page Amazon
Non Landing Page Amazon
แต่ในสิ่งที่ผมจะกล่าวใน Blog เสียวสมุทรปราการนี้ คงจะเน้นไปที่การทำ SEO ซะเป็นส่วนใหญ่ เนื่องจากบ้านผมจนไม่มีเงิืนลงทุนมาก ๆ และ ไม่เชี่ยวชาญเรื่องเกี่ยวกับ PPC ขนาดสอนหรือบอกใครได้
สิ่งที่จำเป็นในการทำเงินกับ Amazon.com แนวทางแรก ไม่ต้องใช้เงินทุน( aStore และ Free Blog )
  1. ความตั้งใจจริง แน่นอนครับ สิ่งแรกที่จำเป็นต้องมีเนื่องจากเราทำเงินกับการทำ SEO ซึ่งขึ้นอยู่กับปัจจัยหลาย ๆ อย่างกว่าที่สินค้าเราจะออกไปสู่สายตาของลูกค้าจนเกิดการซื้อเกิดขึ้น ต้องมีความอึดพอสมควรแต่เมื่อมันดังและทำเงินแล้วก็ไม่ต้องคิดมากล่ะครับ
  2. บัญชีธนาคารกรุงเทพ เอาไว้รับเงินที่อเมซอนจ่ายให้ เป็นการจ่ายแบบ Direct Deposit หรือเข้าบัญชีให้เราโดยตรง
  3. คอมพิวเตอร์ + อินเตอร์เน็ต
  4. สายตากว้างไกลในการดูเทรนและตลาด (อันนี้เป็นคีย์แห่งความสำเร็จเลยครับ)
  5. แอคเค้าตัวแทนขายของ Amazon หรือ Amazon Associates (สมัครกับอเมซอน)
เอาละครับเมื่อสำรวจความพร้อมเรียบร้อยก็มาสมัคร Amazon Associates กันเลย แต่เดี๋ยวก่อน…………การสมัคร Amazon Associates คุณต้องมีเว็บไซต์หรือ Blog อะไรสักอย่างก่อน

จิตวิทยาการเขียนรีวิวสินค้า Amazon สำหรับ หมวด Customer Reviews

วันนี้ผมมี Amazon เทคนิคจากเพื่อนผมคนเดิมจากไทยเสียวบอร์ดมาฝากอีกแล้วครับ
Amazon เทคนิค] จิตวิทยาการเขียนรีวิว สำหรับ หมวด Customer Reviews
ในตลาด Amazon ตอนนี้ มีหลาย Script ที่มีคุณสมบัติ ที่สามารถใส่ Customer Reviews Article ได้
หลายคนถามว่า ทำไมต้องใส่เองด้วย ในเมื่อ API มันก็มีข้อมูลส่วนนี้ ให้ใช้อยู่
จิตวิทยาเขียนรีวิวสินค้า
จริง ๆ มันก็คือว่า ข้อมูลพวกนั้น ที่มากับ API มันเป็นข้อมูลที่ ใคร ๆ เขาก็ใช้กัน คนที่ต้องการซื้อสินค้า เมื่อใส่คำค้นหาลงไป ก็จะพบว่า มีเว็บที่ขายของจากอเมซอน
ขึ้นมาเป็นอันดับต้น ๆ เกินกว่า 70%  นั่นจึงเป็นคำตอบว่า ทำไมเราต้องขวนขวายให้ได้มาซึ่งอันดับที่ 1 หรืออันดับต้น ๆ ก็เพราะว่าส่วนหนึ่งมาจาก
เมื่อเขาเปิดดูเว็บที่ 1 แล้ว เก็บข้อมูลใส่สมอง  จากนั้นจึงมาเปิดเว็บดูในอันดับถัดไป และเก็บข้อมูลใส่สมอง จากนั้นก็อันดับถัด ๆ  ไป
หากพบว่า ยิ่งอ่านไป ๆ ก็เจอแต่ข้อมูลซ้ำ ๆ หน้าเดิม ๆ รีวิวเดิม ๆ Comment แบบเดิม ๆ ความรู้สึกในมุมมองของผู้ใช้ ของเว็บที่อยู่ในอันดับท้าย ๆ คือ เว็บขยะ หรือเว็บไร้คุณภาพ
เพราะเขาจะรู้สึกโดยอัตโนมัติว่า เออ… ไปลอกเขามานี่หว่า… ถึงแม้ว่าเว็บอันดับต้นมันก็ลอกเขามาก็ตาม ดังนั้นหากเว็บเรา ตามอันดับเขาอยู่ ก็แนะนำว่า ควรเขียน Reviews เองครับ….
ดังนั้น หากคิดจะเขียน Customer Reviews ให้เกิดประโยชน์สูงสุด ผมก็มี แนวทางแนะนำดังนี้ครับ
  1. เริ่มจาก เล่าประสบการณ์แย่ ๆ จากการใช้สินค้าตัวอื่นมานิด ๆ หน่อย ๆ เช่น
  2. “….. เมื่อหลายเดือนก่อน ผมรู้สึกผิดหวัง กับ ทีวี ยี่ห้อ …… มากเนื่องจากมันไม่ตอบสนองการใช้งานของผม  และมัน … บลา  ๆ ๆ ๆ ”
  3. เริ่มตีหัวเข้าบ้าน
    “……. แต่เพื่อนของผมบอกให้ลองพิจารณาทีวี รุ่น… ยี่ห้อ…. และผมก็ตัดสินใจหาข้อมูลอยู่นาน…..”
  4. เริ่มขายของ
    “…… และเมื่อผมได้มันมาในครอบครอง ครั้งแรกผมประทับใจในรูปแบบการดีไซน์ที่สวยงามและน่าหลงไหล…..”
  5. ยาวไป ๆ
    ” …… และผมยังพบว่า มันตอบสนองการใช้งานของผมได้เป็นอย่างดี มันสามารถทำ นั่น นี่ นู่น และ โน่น…. ได้อย่างฉับไว …. ใส่ข้อมูลไปเยอะ ๆ “
  6. โม้ข้อดีของการมีไว้ (นึกถึง ทีวีขายของตอนดึก ๆ)
    “…. มันช่วยให้ลูก ๆ ผมอยู่ติดบ้าน และเราเป็นครอบครัวอีกครั้ง ภรรยาผม ได้ดูทีวีซีรี่ย์โดยไม่บ่นอีกเลย เพื่อน ๆ ผมก็แวะเวียนมาดูฟุตบอลบ่อย ๆ บ้านเราก็กลายเป็นที่รักของชุมชน แถมผมยังสามารถใช้ต่อ Computer ท่องโลก Cyber ในแบบที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ผมซื้อเครื่องนึงให้แม่ยาย ภรรยาผมประทับใจมาก และ แม่ยายก็ไม่ค่อยมาหาเราเหมือนแต่ก่อน (อันนี้ท่านก็ใส่ไปนะครับ)”
  7. สุดท้ายปิดการขาย
    “…. ไม่น่าเชื่อว่าทั้งหมดผมซ์้อมาในราคาแค่ …..$ จากร้าน…… หรือ ตาม link นี้ (ได้โปรดอย่าเอา Link นี้ไปเผยแพร่นะรู้แค่คุณกับผม – แน่ะ มีทำให้ดูลึกลับซะด้วย) ผมคิดว่า เจ้าทีวี…. เป็นของที่ทุกคนต้องมีไว้ติดบ้านเลยนะครับ (A must have item) เป็นประสบการณ์ที่ดีมาก หากคุณจะมีไว้ซักเครื่องนึง

ภาพเพียงภาพเดียวอธิบาย SEO ทั้งหมด

มีบทความของฝรั่งที่น่าสนใจอธิบายการทำ SEO เป็นรูปภาพ และมีเพื่อน ๆ ในไทยเสียวบอร์ด นำมาแปลเป็นภาษาไทยและ มีเพื่อน ๆมาช่วยกันวิเคราะห์ข้อมูลเพิ่มเติมให้มากมาย ผมเห็นว่ามีประโยชน์เลยนำมาฝากกัน (บางส่วนผมใส่ความเห็นของตัวเองลงไปด้วยนะครับ)
การทำ SEO
สรุปจากรูปภาพสั้นๆได้ใจความได้ 7 เรื่อง
  • เรื่องแรก Keyword Research
การแข่งขันในเรื่องของ keyword โดยส่วนใหญ่จะขึ้นอยู่กับขนาดความยาวของคำ Long tail strategy คือ ยิ่ง niche ยิ่งคู่แข่งน้อย
เช่น หากเราจะขายเครื่องตัดหญ้า ก็ใช้คำว่า “เครื่องตัดหญ้า” แบบนี้จะเป็นคำกว้าง คู่แข่งเยอะ (จากรูปก็เช่นคำว่า SEO นั่นแหล่ะ)
หากจะใช้ Long tail คือ คุณ ระบุยี่ห้อไปเลย เช่น “เครื่องตัดหญ้า sony” (มีที่ไหนฟระ)
หรือจะให้แคบเข้าไปอีกก็ “เครื่องตัดหญ้า sony รุ่น ipad” คู่แข่งที่ทำ SEO ก็จะน้อยลง แต่คลิกจากที่คน search ก็จะน้อยลงตาม
แต่โดยทฤษฎี long tail นี้ จะมี conversion สูง
  • เรื่องที่สอง Site Architecture & Structure
จุดสำคัญมันอยู่ตรงนี้ครับ ถ้าบังเอิญหน้าเว็ปอื่นๆสำคัญกว่าเว็ปที่เป็นหน้าหลัก (Home Page) ของคุณ ดังนั้น คุณต้องแน่ใจว่ามันได้ลิงค์กลับไปยังหน้านั้น ๆ (ที่คุณคิดว่าเป็นหน้าสำคัญทำเงิน) ของคุณตลอดจนหน้าอื่นของเวป ไซต์คุณ ต้องจำไว้เสมอว่า Googleไม่ได้จัดอันดับที่ตัวเวปไซต์ (Website) แต่พวกเขาจัดอันดับหน้าเว็บเพจ (คือหน้าต่าง ๆ ภายในเว็บไซต์)
คุณ HotelBestBuy เสริมมาให้ครับ
แต่ ขอเสริมว่า “Hierarchy” ก็มีความหมายนะ คือลักษณะการวางโครงสร้างเวบที่ลิงค์กันระหว่างภายในไซต์ หากลิงค์มั่ว PR มันจะไปกองในจุดที่เราไม่ต้องการ การไหลของ PR สำคัญยังไง ?
เช่น พวกหน้า cart (เวบขายสินค้า หน้าขายสินค้าก็ต้องมีลิงค์ไป cart) หากไม่ได้ทำ nofollow หรือ cloak link ค่า PR ของแต่ละเพจในเวบเรามันก็จะไปเทให้หน้าที่ไม่ได้ต้องการติด search อย่างหน้า cart นี่ได้ครับ
ดังนั้นพวกหน้า cart หรือหน้าทีี่ไม่ได้ต้องการติด search มันไม่ควรจะมี PR เราก็ใช้วิธีอะไรก็ได้เพื่อไม่ให้มันมี
ลักษณะ การลิงค์ที่ทำให้ PR ไหลที่ดีคือควรออกแบบไซต์ให้เป็นลักษณะ “โครงสร้าง” (Hierarchy) ตัวอย่างเช่น Thailand / Phuket / Patong / xxxhotel > แบบนี้คือโครงสร้าง ซึ่ง CMS ทั้งหลายก็จะแบ่งไว้ให้อยู่แล้ว
แต่เวลาทำ เวบ หน้า xxxhotel นี้มันก็อาจมีลิงค์จากหน้าของ category อื่นมาได้ เช่น Thailand / Spahotel / xxxhotel  เราก็ต้องบอกบอทว่า จะให้ xxxhotel นี่อยู่ในโครงสร้างไหน โดยการใช้ “breadcrumb” นั่นเองครับ
บอทมันจะได้เข้าใจ hierarchy ในเวบเราได้ง่ายขึ้นนั่นแหล่ะ เพราะบอทมันไม่ใช่คนมันเก็บแต่ลิงค์ มันไม่รู้หากเราไม่บอกมัน
  • เรื่องที่สาม Page Optimisation
ดูให้แน่ใจว่าคุณใช้ keyword อะไรใน URLs, หัวเรื่อง(title)ของหน้าเว็บนั้นๆ,tags ในหน้านั้น, ชื่อรูปภาพ, ส่วนของบทความ, ใส่ <h1><h2> หรือยัง, Image Alt attributes และใช้คำสั่ง bold(ตัวหนา) หรือ italic(ตัวเอียง) บน keyword ที่สำคัญไว้หรือยัง
  • เรื่องที่สี่ Link Building
ต้อง ดูให้แน่ใจว่ามีลิงค์อยู่ภายในเว็บไซต์ของท่าน เพราะบอทจะไปไม่ได้ถ้าไม่มีลิงค์ไปต่อ, โพสต์ตาม Blog ที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับ website ของท่าน, LinkBait, การซับมิทที่ directory ต่างๆ, การวิเคราะห์คู่แข่ง ประมาณรู้เขารู้เราอะครับ, ทำหน้า Profile ของท่านบนเว็บพวก Social,Pligg และ เว็บบอร์ดต่างๆ.  และอีกอย่างที่ขาดไม่ได้คือ เชิญให้ทุกคนมาคอมเม้นต์เกี่ยวกับเว็บไซต์ของท่าน หรือการบริการของเว็บไซต์ท่าน Feedback อะครับ มันจะเป็นการดีอย่างยิ่งที่จะทำให้เว็บไซต์ของท่านดึงดูดคนเข้ามาชมเว็บไซต์ ของคุณมากขึ้น(Traffic)
  • เรื่องที่ห้า SEO Tactics
ทุก คนจะเห็นว่าในกราฟจะมีส่วนดีหรือไม่ดีใน SEO แต่สิ่งที่คุณควรมุ่งสนใจที่สุดคือ การสร้าง sitemap,การค้นหา keyword, แล้วก็เรื่องการปรับปรุงหน้าเว็บไซต์ของท่านตลอดเวลา หรือเรียกได้อีกอย่างหนึ่งว่า อัพเดทข้อมูล,บทความ ตลอดเวลาตามแต่ลักษณะเว็บไซต์ของท่าน
  • เรื่องที่หก Linkbaiting & Social Media
แค่ คุณ tweet บน twitter หรือ แค่อัพเดทสถานะบน facebook ในบางครั้งมันก็สามารถดึงดูดให้คนเป็นล้านๆเข้าเว็บไซต์ของท่านได้ นั่นแหละคือพลังที่ยิ่งใหญ่ของ Social Media และขอให้ใช้มันอย่างฉลาดด้วย
  • เรื่องทีเจ็ด SEO vs PPC
มา ถึงข้อสุดท้ายละ จะอธิบายให้เข้าใจนะครับว่า จำนวนของ user ที่ คลิกบน search engine นั้นมากกว่า จำนวนคนที่มาจาก ลิงค์ของ PPC ดังนั้นสิ่งที่สำคัญที่สุดในบริการด้าน SEO นั้นคือ ความสม่ำเสมอของตัวท่านนั่นแหละในการทำ SEO
พี่ Kobsoft เพิ่มเติมให้อีกครับ ขอบคุณครับ
เพิ่มเติมคับ … ผมเห็นว่าเพื่อนหลายๆ อาจไม่ค่อยมีความรู้ภาษาอังกฤษ ก็มักจะงงกันอยู่เสมอเวลามีคนส่ง text อังกฤษมาให้อ่าน โชคดีที่คุณ Osawa แปลเป็นไทยให้ด้วย อันนี้ +1 ให้เลยคับ ถ้าให้ผมแปลให้เพิ่มเติมแบบเนื้อๆ ในอีกมุมมองนึงของวงการคนทำ SEO จริงๆ คงแปลให้ประมาณนี้คับ
  1. เวลาทำ SEO มักจำเป็นต้องมีคีย์หลักและคีย์รองเสมอ โดยที่คีย์หลักคือคำสั้นๆ และคีย์รองก็คือคำอื่นๆ ที่นำคีย์หลักมาผสม โดยส่วนมากแล้วคีย์รอง หรือนิชคีย์ มักจะสร้างรายได้ให้เราอยู่เสมอ
  2. SEO เป็นการทำอันดับเฉพาะเว็บเพจหน้าหนึ่ง หรือหน้าใดๆ ที่เราเลือกทำเท่านั้น ไ่ม่ใช่ทำหน้าเดียวแล้วอันดับจะขึ้นทั้งเว็บไซต์ (แต่จริงๆ ส่วนตัวจุดนี้ผมไม่เห็นด้วยคับ) และมีการทำ sitemap ที่ถูกต้อง หลายคนส่วนมากรู้แค่ว่า Sitemap คือ sitemap.xml แต่จริงๆ แล้วคำว่า sitemap เป็นการออกแบบโครงสร้างลิงค์ที่ถูกต้องคับ ไม่ว่าจะเป็นลิงค์จากแท็ก <a> บนหน้าเว็บเพจที่จะกระจายไปยังเว็บเพจอื่นๆ ภายในไซ์ (สำหรับมนุษย์) และการทำ sitemap (สำหรับ robots) ด้วยไฟล์ sitemap.xml, .xml.gz (google) หรือ feed (yahoo, bing) โดยที่การออกแบบ sitemap จริงๆ จะต้องคำนึงถึงความสัมพันธ์ในเนื้อหาที่โยงแต่ละหน้าด้วย ไม่ใช่แค่ทำให้ทุกหน้าลิงค์กันได้เพียงอย่างเีดียวเฉยๆ แต่ปัจจุบันคงไม่ต้องซีเรียสมากคับเนื่องจาก sitemap สำหรับโรบอทไม่ค่อยมีความสำคัญมากแล้ว เพราะ SE แต่ละค่าย เน้นความสำคัญกับ sitemap สำหรับมนุษย์มากกว่า
  3. ใช้แท็กต่างๆ ในการทำ SEO ให้ครบองค์ประกอบและถูกต้อง (จากประสบการณ์เีขียนเว็บรองรับ SEO ที่ผ่านมาของผมกล้าบอกได้เลยคับว่าตรงนี้สำคัญที่สุด ถ้าััจัดองค์ประกอบผิด การทำ seo ก็จะยากขึ้นด้วยเช่นกัน) หลายคนอาจรู้อยู่แล้วว่าในเว็บเพจแต่ละหน้าจำเป็นต้องมีแท็กอะไรบ้าง ก็เลยค่อนข้างซีเรียสกับแท็กต่างๆ มากเกินไป แต่หลายคนไม่รู้ว่า แท็กแต่ละอย่างที่ใส่ลงไปนั้น robots มีพฤติกรรม ในแง่ดี หรือร้าย กับการเก็บ index สำหรับหน้านั้นเพื่อที่จะนำไปจัดอันดับ ส่วนตัวแล้วผมยังคงเชื่อว่าการ Optimize หรือการเขียนโครงสร้างที่ดีที่สุดบนเว็บเพจ ยังคงเป็นการเขียน Content และวาง layout ที่แยกเนื้อหาแต่ละส่วนออกจากกันอย่างชัดเจน (หมายถึง out put source code สำหรับโรบอท) คับ
  4. หาลิงค์จากทุกที่ ทุกรูปแบบที่เราหาได้ โดยที่ไม่ใช้มุขเดิมซ้ำๆ
  5. คนที่ทำ SEO ที่ได้เปรียบที่สุดคงจะเป็นคนที่ทำ Gray Hat คับ
  6. จิงๆ ข้อนี้น่าจะเหมือนกับข้อ 4 คับ แต่ผมไปเล็งเห็นความสำคัญของ API กับ Partner Site ที่กำลังได้รับความนิยม โดยลักษณะการทำงานขอเรียกง่ายๆ ว่า Auto Post มุขเดิม ที่เวลาผมโพสต์คลิปใน You Tube แล้ว มันจะ Auto Post ผ่าน API ลงใน Facebook ด้วย ถ้าหัวหมอหน่อยคงสร้างไอดีบอทเข้ามา ตัวนึง แล้ว list มาว่าเว็บไหนเป็น Partners Site บ้าง จากนั้น สมัครแล้วก็อัพเดทแต่ทาง Partners Site สำหรับ ไซต์ศูนย์กลางนั้น ขยันแอดเพื่อนเยอะๆ ก็พอคับ กรณีเราเป็นเจ้าของเว็บเองก็สรรหาปุ่มแชร์ต่างๆ มาใส่เว็บด้วยคับ คนไทยเล่น facebook, twitter เยอะอยู่แล้ว ผมว่าเราต้องได้อะไรดีๆ จากตรงนี้บ้างล่ะ
  7. ข้อนี้ในรูปเค้าพยายามจะทำให้เราเห็นว่าการทำ SEO น่าจะได้ผลประโยชน์ดีกว่าการทำ SEM คับ (นี่ -*- ผมสรุปห้วนเกินไปไหมนิ ผมเชื่อว่ามีคนคิดแย้งข้อนี้นะ แต่หนึ่งในนั้นไม่ใช่ผมคับ) ผมมองเพิ่มไปอีกว่า ที่ดีกว่า seo และ sem คือช่องทางการทำตลาดในรูปแบบ create ด้านต่างๆ คับ เช่นทางโคนาด้านอื่นๆ คน, สื่อ, มือถือ, จิปาถะ … สำหรับบางธุรกิจถ้ามองเห็นแต่ seo และ sem เท่านั้นผมก็ว่าบางทีเราอาจจะอยู่หน้าคอมกันมากเกินไปคับ เราต้องลองชวนเพื่อนไปกินเบียร์วุ้นเหล่เด็กเชียร์เบียสวยๆ สั้นๆ แล้วเราจะรู้ว่าวันๆ น้องเค้าได้ทิป มากกว่ารายได้ทำ seo ของเราอีกคับ
ขอขอบคุณเพื่อน ๆ ใน Thaiseoboard

วิธีการติดตั้ง WordPress MU ภาค 1 วิธีอัพโหลดไฟล์์ขึ้น Hostgator

จริง ๆ บทความนี้ผมจะตอบปัญหาของเพื่อนในบอร์ดคนนึง ที่ถามเรื่องการอัพไฟล์เข้าโฮสของ Hostgator และถ้า Step by Step ในสไตล์ผมมันก็ต้องมีรูปสวยๆ พร้อมโลโก้เสียว ๆ ประกอบ (เสียวสมุทรปราการ) ไหน ๆ  ก็ไหน ๆ แล้วขอควบสองเลยแล้วกันครับ
ก่อนอื่นเรามาทำความรู้จัก WordPress Mu กันก่อนดีกว่า
WordPress Mu or multi-user คือ CMS (Content Management Syste | ระบบการจัดการเนื้อหาของเว็บไซต์) ที่พัฒนาต่อยอดมาจาก WordPress เพียงลักษณะการใช้งานจะเป็นแบบมัลติ-ยูสเซอร์ หรือผู้ใช้หลายคน คล้าย ๆ Blogger และเหมือนกับ WordPress.com เหมาะสำหรับ เจ้าของเว็บ ที่อยากจะสร้าง Blog free ให้่คนอื่นเข้ามาสมัครสมาชิกเพื่อสร้าง Blog โดยสมาชิกแต่ละคนจะสา่มารถเลือกแก้ไข ปรับเปลี่ยนหน้าตา (Theme) ของตัวเองได้อย่างอิสระ โดยทั้งหมดจะอยู่ในความดูแลของเจ้าของ Blog Free หรือ Admin ของ WordPress Mu นั้น ๆ อีกทีหนึ่ง ซึ่งความสามารถหลัก ๆ ของ WordPress Mu มีดังนี้

Features

  • Everything WordPress does.  เหมือน WordPress ทุกประการ
  • Scaling to tens of millions of pageviews per day. สามารถรองรับเพจวิวได้สิบล้านครั้งต่อวัน
  • Unlimited users and blogs. ไม่จำกัด ผู้ใช้งานและ บล๊อก
  • Different permissions on different blogs. สิทธิ์การใช้งานของแต่ละบล๊อกแยกออกจากกัน
กระซิบดัง ๆตรงนี้เลยครับ เค้าว่า WordPress Mu กำลังจะหายไป เนื่องจาก Mu จะถูกผสานรวมเป็น Features หลักของ WordPress ในเวอร์ชั่น 2.9.0 (ขายเหล้าพ่วงเบียร์ยังไงยังงั้น) รู้จักกับ WordPress Mu กันแล้วเรามาเข้าถึงวิธีติดตั้งกันเลยครับ
โดยการติดตั้ง WordPress Mu จะแบ่งเป็นสองส่วนคือ
  1. การอัพโหลดไฟล์ขึ้นโฮส หรือพื้นที่เช่าบนอินเตอร์เน็ต (ในที่นี้คือ Hostgator ตามเหตุผลที่กล่าวมาข้างต้น)
  2. ส่วนของการติดตั้ง WordPress Mu
แต่ก่อนอื่นเราคงต้องไปโหลด WordPress Mu มาก่อน WordPress Mu เวอร์ชั่นล่าสุด ดาวน์โหลดไฟล์ WordPress Mu ที่นี่ครับ
การอัพโหลดไฟล์ขึ้นโฮส
โดยปกติการอัพโหลดไฟล์ขึ้นโฮสเราสามารถทำได้สองวิธีคือ อัพโหลดผ่านโปรแกรมประเภท File Transfer Protocol (FTP) และการอัพโหลดผ่านเว็บบราวเซอร์โดยผ่านระบบจัดการที่ Hosting มีไว้บริการ ในบทความนี้ผมขอเลือกใช้แบบที่สอง เนื่องจากถ้าใช้แบบแรกจำเป็นต้องสอนการติดตั้งและตั้งค่า โปรแกรม File Transfer Protocol (FTP)  อีก ซึ่งมันจะไม่ทันกินเอา ขอยกยอดไว้เป็นบทความหน้าแล้วกันครับเรื่อง FTP
โดยปกติระบบการจัดการ (Site configuration and management software application) ของ Hostgator จะเป็น cPanel ซึ่งการล๊อคอินเข้าใช้งานจะถูกส่งมายัง email Address ที่ส่งมาให้เราหลังจากสมัครและชำระเงินค่าเช่าเสร็จ โดย Url พื้นฐานในการเข้าใช้งานระบบ cPanel ก็คือ http://yourdomain.com/cpanel และจำเป็นต้องใส่ยูสเซอร์เนมและรหัสผ่านเพื่อเข้าใช้
การอัพโหลดไฟล์ขี้น Hostgator
วิธีอัพโหลดไฟล์์ขึ้น Hostgator
เมื่อล๊อคอินแล้วให้มองหา หน้าต่างการจัดการไฟล์ และให้คลิ๊กที่ File Manager
การอัพโหลดไฟล์ขี้น Hostgator
วิธีอัพโหลดไฟล์์ขึ้น Hostgator
เมื่อคลิ๊กแล้วจะมีป๊อปอัพให้เราเลือกว่าจะจัดการไฟล์ใน โดเมนหรือซัพโดเมนไหนเลือกตามสบายครับ
การอัพโหลดไฟล์ขึ้น Hostgator
วิธีอัพโหลดไฟล์์ขึ้น Hostgator
เมื่อเลือกเรียบร้อยคุณจะถูกพามาที่หน้าต่างใหม่
การอัพโหลดไฟล์ขึ้น Hostgator
วิธีอัพโหลดไฟล์์ขึ้น Hostgator
โดยหน้าต่างการทำงานจะมีคำสั่งให้เลือกใ้ช้เหมือนในส่วนของวินโดว์และ เว็บบราวเซอร์ เช่น New Folder, Copy ,Upload,Rename และโดยปกติโฟลเดอร์ root ของโดเมนหรือซัพโดเมนที่เราจะจัดการคือ public html
การอัพไฟล์ขึ้นโฮสผ่านเว็บบราวเซอร์ด้วย การทำงานกับ cpanel นี้จะมีประโยชน์และประหยัดเวลาได้มากกว่าการอัพโหลดผ่าน โปรแกรม Ftp หลายเท่าตัว ถ้าคุณรู้จักการประยุกต์ใช้อย่างถูกวิธี โดยเมนูที่เราจะใช้บ่อย ๆ คือ Upload และ Extract
เอาละครับถึงขั้นตอนการอัพโหลดไฟล์ WordPress Mu ขึ้นโอสเสียที โดยคุณจะต้องดาวน์โหลด WordPress Mu เรียบร้อยแล้ว และได้ไฟล์มาเป็น zip file ให้คุณไปที่ เมนู Upload และคลิ๊กเลยจะมีหน้าต่างใหม่ให้เรา Browse หาไฟล์ในเครื่องเราเพื่อนำขึ้นโฮส
(เราสามารถใช้คำสั่งนี้อัพโหลดไฟล์ต่าง ๆ เช่น Theme หลาย ๆ Theme ในคราวเดียวด้วยการ Zip File ให้เรียบร้อยเป็นไฟล์เดียวและอัพโหลดทีเดียว โดยไฟล์ที่จะอัพโหลดนั้นจะต้องมีขนาดไม่เกิน 25 MB)
เมื่อคุณเลือกไฟล์เสร็จเรียบร้อยแล้วระบบจะอัพโหลดไฟล์ให้อัตโนมัติ โดยจะมีแถบขึ้นแสดงเมื่อครบ 100%  แสดงว่าคุณอัพโหลดไฟล์ wordpress-mu-2.8.6.zip เรียบร้อย ให้ปิดหน้าต่างนี้ได้เลย
การอัพโหลดไฟล์ขึ้น Hostgator
วิธีอัพโหลดไฟล์์ขึ้น Hostgator
ให้ย้อนกลับมาที่หน้า FileManager อีกครั้งและ คุณจะเห็นหน้าต่างเดิมโดยยังไม่มีไฟล์ใด ๆ เพิ่มขึ้นมา ให้ใช้เมนู Reload คลิ๊กเบา ๆ และรอสักครู่คุณจะเห็นไฟล์ที่พี่งอัพโหลดเสร็จแสดงตนขึ้นมาครับ ในที่นี้คือ wordpress-mu-2.8.6.zip ไฟล์นี้จะยังไม่สามารถใช้งานได้เนื่องจาก เป็นไฟล์ซิบคุณจำเป็นจะต้องแตกไฟล์ก่อน ถึงจะใช้งานได้
วิธีการอัพโหลดไฟล์ขี้น Hostgator
วิธีอัพโหลดไฟล์์ขึ้น Hostgator
ให้คุณติ๊กเครื่องหมายถูกหน้าไฟล์ wordpress-mu-2.8.6.zip เมื่อเรียบร้อยให้ใช้งานเมนู Extract โดยการคลิ๊กเบา ๆ และรอสักครู่
วิธีการอัพโหลดไฟล์ขึ้น Hostgator
วิธีอัพโหลดไฟล์์ขึ้น Hostgator
เมื่อเสร็จเรียบร้อยจะมีหน้าต่างแจ้งเราครับ
วิธีการอัพไฟล์ขึ้น Hostgator
วิธีอัพโหลดไฟล์์ขึ้น Hostgator
หน้าต่างจัดการไฟล์เมื่อ Extract เรียบร้อยแล้วจะเจอ Folder wordpress-mu เพิ่มขึ้นมาครับ
วิธีการอัพไฟล์ขึ้น Hostgator
วิธีอัพโหลดไฟล์์ขึ้น Hostgator
โดยปกติแค่นี้เราก็สามารถติดตั้ง WordPress Mu ได้แล้วแต่ผมไม่แนะนำครับเนื่องจากไฟล์ไม่ได้อยู่ใน Root Folder ยากแก่การจัดการและการย้าย ไฟล์ก็ไม่ได้ยุ่งยากอะไรเลยจะอธิบายเพิ่มไปเลยเพื่อที่เพื่อน ๆ จะนำไปประยุกต์ใช้ในงานอย่างอื่นได้ต่อไปครับ
ตอนนี้ไฟล์ต่าง ๆ ของ WordPress Mu จะอยู่ที่ /public_html/wordpress-mu ผมต้องการให้ไฟล์ของ WordPress Mu มาอยู่ใน Root Folder หรือ /public_html ให้เราดับเบิ้ลคลิ๊กที่ Folder wordpress-mu เลยครับเมื่อเปิดไฟล์เข้ามาแล้วเราจะเห็นไฟล์ทั้งหมดของ wordpress-mu เสร็จแล้วให้เราคลิ๊กที่ Select all ไฟล์ทั้งหมดใน Folder นี้จะถูกเลือกทั้งหมดครับ
วิธีอัพโหลดไฟล์่ขึ้น Hostgator
วิธีอัพโหลดไฟล์์ขึ้น Hostgator
เสร็จแล้วให้เราคลิ๊กที่ เมนู Move File ด้านบนครับเมื่อมีหน้าต่างขึ้นมาแล้วให้เลือกโฟล์เดอร์ปลายทางที่จะย้ายไฟล์ ไป ในที่นี้ผมต้องการให้ไปที่ /public_html ผมก็ใส่่ค่านี้ลงไป และสั่ง Move File(s) ที่ปุ่มด้านล่าง
วิธีอัพไฟล์์ขึ้น Hostgator
วิธีอัพโหลดไฟล์์ขึ้น Hostgator
เท่านี้ไฟล์ระบบของ WordPress Mu ก็จะถูกย้ายไปที่ Root Folder หรือ /public_html ดังที่ผมต้องการ
เสร็จเรียบร้อยแล้วครับสำหรับการเตรียมความพร้อมในการลง WordPress Mu ในขั้นตอนการอัพไฟล์ขึ้นโฮส ระบบ cPanel ของ บทความหน้าเรามาต่อกันที่วิธีลง WordPress Mu จริง ๆซะที

7 Tips ในการทำงาน Internet Marketing

Tip1: รู้จักตัวเอง
- ประเมินความสามารถตัวเองก่อนครับ ก่อนที่จะเริ่มทำอะไรก็ตามแต่ ให้ย้อนกลับมามองดูตัวเองซะก่อน ว่าเรามีความรู้ด้านนั้นขนาดไหน
ถ้า ไม่มีความรู้ เราพร้อมหรือยังที่จะ เรียนรู้สิ่งใหม่ๆ หรือถ้ามีความรู้แล้ว อย่าปิดตัวเองเพียงแค่ความรู้ที่ท่านมี หาความรู้ใหม่ๆ ใส่ตัวด้วย โลกเปลี่ยนไปทุกวัน
ถ้าเราไม่ตามให้ทันโลก เราก็เหมือนเดินถอยหลังนะครับ
- ถามตัวเองให้เยอะๆครับ ว่าสนใจเรื่องอะไรจริงๆกันแน่ และเลือกทำเพียงอย่างใดอย่างนึงที่ท่านถนัดก่อน ทำเพียงอย่างเดียวให้มันรุ่ง อย่าทำหลายอย่างพร้อมกัน
Tip2: วางแผนให้ดีซะก่อน
- อย่างที่พูดไปตะกี้ ถามตัวเองให้ดีว่าสนใจเรื่องอะไร แล้ววางแผนโดยเริ่มจากสิ่งที่เราสนใจก่อน เพราะการทำในสิ่งที่เราสนใจมักจะไปได้ดี มันเป็นสิ่งที่เราชอบ และเราถนัด
ผมขอพูดรวมๆนะครับ ใช้ได้ทั้งเวปไทยและอังกฤษ
- การทำอะไรหลายๆอย่างพร้อมกัน โดยที่ตัวเราเองไม่ได้พร้อม พยายามหลีกให้ไกล เราควร Focus ที่จุดจุดเดียวมากกว่า เช่น
Adsense
Amazon
Clickbank
CJ
- การทำอะไรโดยไม่วางแผนเลย จะไม่สามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพครับ
** แล้วเราจะเริ่มวางแผนอย่างไรดี?
- เริ่มจากสิ่งที่เราสนใจก่อน แล้วไปดูตลาดที่เกี่ยวข้อง ว่าเราไปทางไหนได้บ้าง (บางคนอาจเลือกตลาดแล้วลงมือทำเลย อันนี้ก็ได้นะครับ ประมาณว่าสิ่งที่ฉันสนใจคือตลาดที่เงินเยอะ เราก็ไปโฟกัสตลาดนั้นๆแทน)
- ได้ตลาดแล้ว เราก็วางแผนรายรับที่เราต้องการ เช่น ผมอยากได้เงินจาก Adsense เดือนละ 10,000 เหรียญ
- ได้เป้าหมายแล้ว ว่าเดือนละ $10,000 ก็ต้องมาดูอีกว่า วิธีการอะไรที่จะทำให้เราได้เงิน เดือนละ 10,000 เหรียญบ้าง?
** ผมยกตัวอย่างประมาณนี้ครับ ทำเวปโดยใช้ WordPress Mu จำนวน 1000 เวป และต้องให้เวปเหล่านี้ทำเงินให้ได้เดือนละ 10 เหรียญ ก็ตกวันละ 0.3 เหรียญ <- ทำได้มั้ยครับ?
** บางคนชอบทำน้อยๆ แต่หนักๆ ก็บอก ผมขอทำแค่ 10 เวปพอ แต่จะเอาเดือนละ 1000 เหรียญ/เดือน/เวป ก็ตกวันละ 33 เหรียญต่อวัน <- ก็เป็นไปได้นะ พยายามดูวิธีการที่จะไปถึงเป้าหมายให้ดีครับ ทางเดินไม่ได้มีแค่ทางเดียว แต่คุณอาจไม่รู้ ก็พยายามหาทางกันต่อไป
Tip3 ลงมือทำอย่างจริงจัง – วางแผนแล้วต้องลงมือทำอย่างจริงจังด้วย ไม่ใช่ว่ามีแผนซะดิบดี แต่ไม่ลงมือทำ มันก็เท่านั้นครับ โลกนี้ไม่มีอะไรได้มาถ้าไม่มีการแลกเปลี่ยน สำหรับงานอย่างๆเราๆ ก็คือแลกเปลี่ยน ด้วย Idea เงิน และ เวลาครับ วางแผนระยะสั้นด้วย และวางแผนระยะยาวด้วย ว่าจะเป็นยังไงต่อไป ทำให้ได้แบบนั้น พยายามมีวินัยในตัวเองครับ จดไว้ว่าวันนี้ทำอะไรไปบ้าง พรุ่งนี้มีแพลนว่าอย่างไร ** อย่าลืมนะครับ บันทึกสิ่งที่เราทำไว้ด้วย
Tip4 ใส่ใจทุกรายละเอียด – ลงมือทำแล้วก็ไม่ใช่สักแต่ว่าทำ … ทำแบบลวกๆ ก็ไม่เอานะครับ ทำแบบนี้อย่าทำเลยดีกว่า ผมมองว่ามันเสียเวลาเปล่าๆ ถ้าจะทำอะไร ก็อยากให้ทำแบบจริงจัง และใส่ใจในรายละเอียดทุกอย่างที่เราจะทำด้วย เช่นการทำ WordPress ผมเคยอ่านกระทู้ของหลายๆท่าน และตามเข้าไปดูเวปที่แนะนำไว้ด้วย บางท่านในหน้า Landing Page มีรายละเอียดที่เยอะมาก เรียกได้ว่าใส่ใจทุกรายละเอียด ทุกบรรทัดตั้งแต่หัวจรดฟุตเตอร์เลยทีเดียว และ Landing Page ของบางท่านที่ไม่ค่อยมีอะไรให้ดึงดูดเลย มีแต่ตัวอักษร บรรยายสรรพคุณของสินค้า พยายามใส่ใจเรื่องเหล่านี้ด้วยครับ เพราะบางคนทำสินค้าตัวเดียวกับคุณ … คุณขายไม่ได้ แต่ เค้าขายได้เป็นกอบเป็นกำ….
Tip5 เวปทำเงิน ไม่จำเป็นต้องเป็น Script ที่ราคาแพง – สคริปบางตัว ราคาถูกๆ ก็ขายได้ครับ และบางตัวอย่าง WordPress ก็ขายของให้คุณได้เช่นกัน ดังนั้นพยายามเปลี่ยน ทัศนะคติเรื่องของ Money Site กันเล็กน้อยครับ ไม่ใช่ว่ามีเงินไปซื้อมาแล้ว จะทำให้คุณรวย ไม่ใช่ครับ สคริปราคาแพง กับ ราคาถูก หรือว่าของฟรี มันก็ขายของได้ทั้งนั้น มันขึ้นอยู่กับรสนิยมส่วนตัวของท่านด้วยว่าชอบ Feature ของสคริปตัวไหน แบบไหน ถ้ามีเงินก็ลงทุนไปเถอะครับ แต่ถ้าไม่มี ผมแนะนำ WordPress นี่แหละ Plugin ดีๆแจกในนี้เพียบ ไม่ต้องดิ้นรนครับ สิ่งที่จะทำให้ท่านขายของได้ ทำ Adsense ได้ไม่ใช่ตัว Script ครับ แต่เป็นคำว่า “ลงมือทำ”
Tip6 อย่าทิ้ง Stat - ครับทำอะไรแล้วก็ตามไม่ใช่ทำไปวันๆ เอาสิ่งที่ทำกับผลลัพธ์มาวิเคราะห์ด้วยครับ ว่าคุ้มทุน ได้กำไร หรือว่าขาดทุน?? – สิ่งที่จะตอบคำถามเพื่อนๆ ว่าทำแบบนี้ถูกหรือเปล่า หรือว่าทำแบบนี้ดีมั้ย ทำแบบนี้ผิดรึเปล่า ไม่ใช่ผม ไม่ใช่ใครอื่น แต่เป็นตัวเลขที่ท่านเก็บมา จาก การลงมือทำของตัวเอง ตัวเลขนี้ไม่มีหลอกลวง ตัวเลขนี้ท่านทำอย่างไร มันก็ออกมาแบบนั้น ถ้าหากออกมาดี … แน่นอนก็แปลว่า เพราะเราทำดีอยู่แล้ว จำไว้นะครับ ถ้า Input ดี -> Output มันก็ควรจะออกมาดี ถ้า Input แย่ -> Output จะไปเหลืออะไรในเมื่อมันแย่มาตั้งแต่ต้นทาง
ดังนั้น Stat จะเป็นตัวบอกคุณทุกอย่างเกี่ยวกับการทำงานของคุณ..
Tip#7 สุดท้ายแว้วววววว…………… จงเลิก Drama ครับ
- เลิกดราม่าสักพักแล้วไปทำงานครับ ทิปสุดท้ายที่อยากบอกคือ คุณเสียเวลาดราม่า ผมมีเวลาทำเวปทำเงิน ดูสิว่าใครจะขายของได้ก่อนกัน อิอิ

แบ่งแยกกลุ่มเพื่อนในเฟสบุ๊ค (Facebook Lists)

เราสามารถแบ่งกลุ่มเพื่อนใน Facebook เพื่อตั้งค่าแยกแยะ การรับหรือไม่รับข่าวสาร (Feed) หรือเลือกจำกัดอัพเดทกิจกรรมจากเพื่อนบางคน และยังสามารถจำกัดการมองเห็นโพสต์ หรือ ข่าวสาร ที่เราโพสต์ลงบนโปรไฟล์ของเรา จากเพื่อนที่เราเลือกไปใส่ในกลุ่มเพื่อนหมวดหมู่ต่างๆด้วยครับ โดยใช้ คุณลักษณะ (Feature) ที่เรียกว่า Lists หรือ แบ่งกลุ่มรายชื่อเพื่อน ซึ่งมีหมวดหมู่ที่เป็นค่าเบื้องต้นที่เฟสบุ๊คแบ่งมาให้แล้วดังนี้ครับ

เพื่อนสนิท (Close Friends) - เพื่อนที่เราต้องการติดตามข่าวสารมากที่สุด สามารถตั้งให้แจ้งเตือน (Notification) หรือไม่ก็ได้ครับ
การติดตาม (Subscriptions) - บุคคลที่เราติดตามใน Facebook โดยที่เราไม่ได้เป็นเพื่อน เราสามารถติดตามบุคคลที่เราต้องการ โดยการคลิ๊กที่ปุ่มติดตามใน Facebook ในโปรไฟล์ของบุคคลนั้น
ครอบครัว (Family) - ครอบครัวหรือญาติพี่น้องของเราที่เล่นเฟสบุ๊คและเป็นเพื่อนกับเราครับ
เพื่อนที่ทำงาน (Work friends) - อัพเดทในข้อมูลส่วนตัวของเราว่าทำงานที่ไหน จะอยู่ในกลุ่มเพื่อนที่ทำงานเดียวกันครับ
เพื่อนร่วมชั้นเรียน (School Friends) - อัพเดทในข้อมูลส่วนตัวของเราว่าเรียนที่ไหน จะอยู่ในกลุ่มเพื่อนที่เรียนที่เดียวกัน
เพื่อนที่อยู่ในพื้นที่เดียวกัน (Area) - เพื่อนที่อยู่ในจังหวัดหรือใกล้ๆกับเมืองปัจจุบันบนข้อมูลส่วนตัวของเรา
คนรู้จัก (Acquaintances) - คน(พึ่ง)รู้จัก หรือยังไม่สนิท โดยเราจะได้รับข่าวสาร (Feed) จากคนกลุ่มนี้บนน้อยลงด้วยครับ
ถูกจำกัด (Restricted) - บุคคลที่ถูกเราจำกัดให้สามารถเห็นเฉพาะโพสต์ในโปรไฟล์เฟสบุ๊คที่เราทำให้เป็นสาธารณะ (Public) เท่านั้น

กลุ่มเพื่อนที่ Facebook แบ่งแยกให้อยู่แล้วนั้น เราสามารถที่จะเปลี่ยนชื่อ หรือ ปรับแต่งค่าต่างๆ ที่จะทำให้เฟสบุ๊คของเรารับหรือไม่รับข่าวสาร หรือ เลือกจำกัดอัพเดทกิจกรรมจากเพื่อนบางคนได้ครับ โดยให้คลิ๊กที่กลุ่มเพื่อนที่เราต้องการตั้งค่า จะมีปุ่มที่เราสามารถเลือกตั้งค่าได้อยู่ทางขวามือบนครับ หรือ ถ้าการแบ่งกลุ่มเพื่อนที่ Facebook มีให้ยังไม่พอ หรือไม่ตรงตามที่เราต้องการเราสามารถตั้งกลุ่มใหม่ขึ้นมาอีกได้ ถ้าล็อกอินเฟสบุ๊คอยู่แล้ว ก็เข้าตามลิงค์นี้ครับ Facebook Lists

แบ่งแยกกลุ่มเพื่อนใน Facebook เหมาะกับคนที่มีเพื่อนเยอะๆ หรือ อาจต้องการจัดการบัญชีรายชื่อเพื่อนตามความต้องการของเรา บางทีคนที่เราไม่อยากให้เห็นสิ่งที่เราโพสต์ หรือ เลือกให้เห็นเฉพาะกลุ่ม ก็สามารถเลือกได้ที่ช่องโพสต์ได้ทันทีครับ โดยเพื่อนบางคนที่เราไม่อยากให้เห็นสิ่งที่เราโพสต์ หรือกิจกรรมของเรา โดยอาจยังไม่อยากลบออกจากความเป็นเพื่อน เราก็สามารถเลือกที่จะใช้วิธีนี้ได้ครับ

ใส่อักษรสัญลักษณ์ภาพในช่องแสดงความคิดเห็นเฟซบุ๊ค (Facebook Comment Icon)


ใครที่ต้องการใส่ภาพหรือสัญลักษณ์ ที่นอกเหนือจากตัวอักษร ในช่องความเห็น(Comment)ของเพื่อนๆเราใน Facebook โดยปกติไม่สามารถทำได้ เพราะว่ากล่องความเห็นเฟซบุ๊คนั้น ถูกออกแบบให้ใส่ได้เฉพาะตัวอักษรเท่านั้น ไม่เหมือนกับกล่องแชท ที่เราสามารถใส่อีโมติคอนแสดงอารมณ์ได้ แต่ถ้าเราเบื่อที่จะแสดงความคิดเห็นเป็นตัวหนังสืออย่างเดียว อยากใส่สัญลักษณ์ เพื่อเพิ่มความน่ารัก และเพิ่มสีสันให้กับการแสดงความคิดเห็น ในกล่องคอมเมนท์ของเพื่อนเรา

โดยให้เราใช้ แอสกี (ASCII) เป็นรหัสอักขระที่ประกอบด้วยอักษรละติน เลขอารบิก เครื่องหมายวรรคตอน และสัญลักษณ์ต่างๆ ใครอยากรู้รายละเอียดเพิ่มเติมก็ดูในวิกิพีเดียได้ครับ บางคนเรียกว่า รหัสตัวอักษร หรือ Text File เป็นรูปแบบตัวอักษรที่เป็นสัญลักษณ์ต่างๆ เช่น หัวใจ ยิ้ม โน๊ตเพลง ดาว วงกลม และ อื่นๆอีกมากมาย

สัญลักษณ์ตัวอักษรที่แทนภาพต่างๆเหล่านี้ สามารถใส่ลงในช่องแสดงความคิดเห็นของ Facebook ได้ ใส่เพื่อเพิ่มความสวยงาม จะเอาไปตกแต่งข้อความให้ดูน่ารักขึ้น หรือ ใส่แทนข้อความสั้นก็ได้ อยากได้สัญลักษณ์อันไหนก็ใช้เมาส์ไฮไลท์ ตัวที่ต้องการแล้วก็อบปี้ไปได้เลยครับ ใครมีเพิ่มเติมมาก็มา Comment กันไว้ได้ครับ

๑•ิ.•ั๑ ๑۩۞۩๑ ♬✿.。.:* ★ ☆ εїз℡·۰•●○●ōゃ ♥ ♡๑۩ﺴ ☜ ☞ ☎ ♡ ⊙◎ ☺ ☻╄ஐﻬ ► ◄ ▧ ▨ ♨ ◐ ◑ ↔ ↕ ▪ ▫ ☼ ♦ ▀ ▄ █▌ ▐░ ▒ ▬♦ ◊ ◦ ☼ ♠♣ ▣ ▤ ▥ ▦ ▩ ◘ ◙ ◈ ♫ ♬ ♪ ♩ ♭ ♪ の ☆ → あ ぃ £ # @ & * ❀ ✿ ☆ ★ ¤ ☼ ☀ ♡ ღ☻ ☺ ◕ ⊕ Θ o O ㊝ ⊙ ◎◑ ◐ ۰ • ● ▪ ▫ 。 ゚ ๑ ☜ ☞ ☂ ♨ ☎  × ÷ = ≠ ≒ ∞ ˇ ± √ ⊥▶ ▷ ◀ ◁ ☀ ☁ ☂ ☃ ★ ☆ ☑ ☺ ☻ ☼ ♠ ♡ ♢ ♣ ♤ ♥ ♦ ♧♩♯♩♪♫♬♭♮ ☎ ♨ ₪ ™ ♂✿ ♥ の ↑ ↓ ← → ↖ ↗ ↙ ↘ ㊣ ◎ ○ ● ⊕ ⊙ ○  △ ▲ ☆ ★ ◇ ◆ ■ □ ▽ ▼ § ¥ 〒 ¢ £ ※ ♀ ♂ &⁂ ℡ ░ ▣ ▤ ▥ ▦ ▧ ✓♂ ♀ ♥ ♡ ☜ ☞ ☎ ⊙ ◎ ☺ ☻ ► ◄ ▧ ▨ ♨ ◐ ◑ ↔ ↕ ♥ ♡ ▪ ▫ ☼ ♦ ▀ ▄ █ ▌ ▐ ░ ▒ ▬ ♦ ◊ ◘ ◙ ◦ ☼ ♠ ♣ ▣ ▤ ▥ ▦ ▩ ◘ ◙ ◈ ♫ ♬ ♪ ♩ ♭ ♪ ░ ▒ ▬ ♦ ◊ ◦ ♠ ♣ ▣ ۰•●  ●•۰► ◄ ▧ ▨ ♨ ◐ ◑ ↔ ↕ ▪ ▫ ☼ ♦♧♡♂♀♠♣♥☜☞☎⊙◎ ☺☻☼▧▨♨◐◑↔↕▪ ▒ ◊◦▣▤▥ ▦▩◘ ◈◇♬♪♩♭♪の★☆→あぃ£Ю〓§♤♥▶¤๑⊹⊱⋛⋌⋚⊰⊹ ๑۩۩.. ..۩۩๑ ๑۩۞۩๑ ✿  ~.~ ◕ ✚ ❦ ❧ ❀ ღღღ ▶ ▷ ◀ ◁ ☀ ☁ ☂ ☃ ★ ☆ ⊙ ⓛⓞⓥⓔ๑•ิ.•ั๑ ๑۩۞۩๑ ♬✿ ☉♡ ♢ ♣ ♤ ♥ ♦ ♧ ♨  ❀  ❦❧ εїз℡·۰•●○●ゃōゃ♥ ♡๑۩ﺴ ☜ ☞ ☎ ♡ ⊙◎ ☺ ☻✖╄ஐﻬ ► ◄ ▧ ▨ ♨ ◐ ◑ ↔ ↕ ▪ ▫ ☼ ♦ ▀ ▄ █▌ ▐░ ▒ ▬♦ ◊ ◦ ☼ ♠♣ ▣ ▤ ▥ ▦ ▩ ◘ ◙ ◈ ♫ ♬ ♪ ♩ ♭ ♪ の ☆ → あ ぃ £❀ ✿  ☆ ★  ¤ ☼ ☀ ♡ ღ☻ ☺ ◕ ⊕ Θ o O ㊝ ⊙ ◎ ◑ ◐ ۰ • ● ▪ ▫ 。 ゚ ๑ ☜ ☞ ☂ ♨ ☎ ▶ ▷ ◀ ◁ ☀ ☁ ☂ ☃  ★ ☆ ☑ ☺ ☻ ☼ ♠ ♯♩♪♫♬♭♮ ☎ ♨ ºº ₪ ¤ « »™ ♂✿ ♥ の ↑ ↓ ← → ↖ ↗ ↙ ↘ ㊣ ◎ ○ ● ⊕ ⊙ ○  △ ▲ ☆ ★ ◇ ◆ ■ □ ▽ ▼ § ¥〒 ¢ £ ※ ♀ ♂ © ® ⁂ ℡ ↂ░ ▣ ▤ ▥ ▦ ▧ ✓ ♂ ♀ ♥ ♡ ☜ ☞ ☎ ☏ ⊙ ◎ ☺ ☻ ► ◄ ▧ ▨ ♨ ◐ ◑ ↔ ↕ ♥ ♡ ▪ ▫ ☼ ♦ ▀ ▄ █ ▌ ▐ ░ ▒ ▬ ♦ ◊ ◘ ◙ ◦ ☼ ♠ ♣ ▣ ▤ ▥ ▦ ▩ ◘ ◙ ◈ ♫ ♬ ♪ ♩ ♭ ♪ ㊊㊋㊌㊍㊎㊏ ㊐㊑㊒㊓㊔㊕㊖㊗㊘㊜㊝㊞㊟㊠㊡㊢ ㊣㊤㊥㊦㊧㊨㊩㊪㊫㊬㊭㊮㊯㊰✚✳❀✿✴❖☀☂☁【】┱ ┲  ❦ ❧  ❀  ✓  .: ◢ ◣ ◥ ◤ ▽ ▧ ▨ ▣ ▤ ▥ ▦ ▩ ◘ ◙ ▓ ▒ ░ ™ ℡ 凸 の ๑۞๑ ๑۩ﺴ ﺴ۩๑ o(‧”’‧)o ❆ べò⊹⊱⋛⋋ ⋌⋚⊰⊹ ⓛⓞⓥⓔ ☀ ☼ ☜ ☞ ⊙® ◈ ♦ ◊ ◦ ◇ ◆ εїз❀✿✴❖❦❧↔ ↕ ▪ → ︷╅╊✿ (¯`•._.• •._.•´¯)(¯`•¸•´¯) `•.¸¸.•´´¯`•• .¸¸.•´¯`•.•●•۰• ••.•´¯`•.•• ••.•´¯`•.••—¤÷(`[¤* *¤]´)÷¤——(•·÷[ ]÷·•)— ①②③④⑤⑥⑦⑧⑨⑩ ⑪⑫⑬⑭⑮⑯⑰⑱⑲⑳ ⒶⒷⒸⒹⒺⒻ ⒼⒽⒾⒿⓀⓁ ⓂⓃⓄⓅⓆⓇ ⓈⓉⓊⓋⓌⓍ ⓎⓏ ⓐⓑⓒⓓⓔⓕ ⓖⓗⓘⓙⓚⓛ ⓜⓝⓞⓟⓠⓡ ⓢⓣⓤⓥⓦⓧ ⓨⓩ(⊙▂⊙✖ )(づ  ̄ ³ ̄)づ ( c//”-}{-*\\x)(-’๏_๏’-)(◐ o ◑ )(⊙…⊙ )๏[-ิ_•ิ]๏(•ิ_•ิ)\(•ิ_•ิ\) (/•ิ_•ิ)(︶︹︺)

เปิดกล้องเฟสบุ๊ค (Video Chat in Facebook)

อยากคุยกับเพื่อนใน Facebook ไม่ได้แค่เห็นหน้าอย่างเดียวครับ เฟสบุ๊คสามารถเปิดกล้องพูด คุยกันแบบได้ยินเสียงเลย ถ้าแชทแบบเดิมๆก็ใช้พิมพ์ แบบนี้ก็ดีตรงที่เห็นหน้ากันด้วย อยู่ไกลก็เหมือนอยู่ใกล้ เหมือนเราใช้โปรแกรม Skype คุยกัน ซึ่งจริงๆแล้ว เป็นผลพวงมาจากที่การร่วมมือกันระหว่าง Facebook กับ Skype ทำให้ผู้ใช้อย่างเราได้ประโยชน์จริงๆ

เปิดกล้องคุยกับเพื่อนเป็นเรื่องปกติ ถ้าเราใช้โปรแกรมสไกป์เป็นประจำอยู่แล้ว แต่ตอนนี้เรายังสามารถใช้โปรแกรม Skype เช็คดูความเคลื่อนไหวในเฟสบุ๊คได้ แต่ถ้าเรามีเพื่อนใหม่ใน Facebook ไม่ต้องชวนไปสมัคร Skype แล้ว ชวนเปิดกล้องคุยในเฟสบุ๊คได้เลยครับ แต่ก่อนหน้านี้เคยนำเสนอ แชทเห็นหน้ากันผ่านกล้องในเฟสบุ๊ค โดยใช้แอพพลิเคชันที่ชื่อว่า Video Chat Rounds ซึ่งมีลูกเล่นแปลกๆในการแชทมากมาย แต่นี่เป็นทางเลือกอีกทางหนึ่งซึ่งน่าจะง่ายกว่า เพราะเป็นการพัฒนาโดย Facebook เองครับ ก็แล้วแต่เพื่อนๆจะสะดวกเลือกใช้กัน

วิธีเปิดกล้องคุย Facebook ง่ายมากครับ โดยถ้าเราใช้ PC ต้องมีกล้อง, ไมค์ (Microphone) และติดตั้ง Driver ให้เรียบร้อย แต่ถ้าเป็น Notebook ส่วนใหญ่ก็จะมีกล้องกับไมค์มาให้เรียบร้อยแล้ว เมื่อล็อกอินเข้ามาในบัญชีเฟสบุ๊คของเราแล้ว ให้เราเปิดกล่องสนทนา หรือ กล่อง Chat ที่อยู่ด้านขวามือล่าง จะเห็นเพื่อนที่ออนไลน์อยู่ ให้เราเลือกเพื่อนที่เราต้องการคุยผ่านกล้อง โดยคลิ๊กที่ชื่อของเพื่อน เพื่อให้มีกล่องข้อความสนทนาส่วนตัวขึ้นมา มุมบนขวาของกล่องแชท คลิ๊กเครื่องหมายที่เป็นเหมือนรูปกล้อง ซึ่งถ้าเพื่อนคนไหนออฟไลน์อยู่ เราจะยังชวนให้เปิดกล้องไม่ได้

ถ้าเป็นการคุยผ่านกล้อง Facebook Video Call ครั้งแรก จะมีกล่องให้เรา ตั้งค่า Video Call? ก็ให้กด Install จะมีโปรแกรมที่ชื่อว่า Facebook Video Calling ให้เราดาวน์โหลด (Download) เพื่อติดตั้งโปรแกรมลงเครื่องคอมพิวเตอร์ของเรา ซึ่งการติดตั้งนี้มีแค่ครั้งแรกเท่านั้นครับ ถ้าเราต้องการเปิดกล้องคุยกับเพื่อนทางเฟสบุ๊คครั้งต่อไป ก็จะไม่ต้องมีขั้นตอนนี้แล้ว แถมในขั้นตอนนี้เรายังสามารถเห็นได้ด้วย ว่าเพื่อนของเราคนไหน ติดตั้ง Video Call ไปแล้วบ้าง เพื่อนคนที่เราคลิ๊กชวนให้เปิดกล้องทาง Facebook เป็นครั้งแรกก็จะมีข้อความเชิญชวน และให้ติดตั้งโปรแกรมเช่นกัน

จากนั้นเฟสบุ๊คจะทำการติดต่อ (Contact) เพื่อนที่เราต้องการคุยแบบเปิดกล้อง เมื่อเพื่อนรับการติดต่อจากเราแล้ว ก็จะมีหน้าจอขึ้นมาให้เราได้เห็นหน้าและพูดคุยกันได้แล้วครับ การคุยโดยเปิดกล้องผ่านเฟสบุ๊ค นอกเหนือจากการพิมพ์ข้อความแชทและไอคอน ก็เป็นอีกคุณลักษณะ (Feature) ที่น่าใช้ของ เฟสบุ๊ค แบบใหม่ นอกเหนือจากการแชทแบบเก่า แต่ถ้าเราไม่ใช้แล้ว โดยต้องการถอนการติดตั้งโปรแกรมนี้ออกไปจากเครื่องคอมพิวเตอร์ หรือ Notebook ของเรา ก็ให้เข้าไปที่ Control Panel > Add or Remove Programs แล้วมองหาโปรแกรม Facebook Video Calling แล้ว Remove ออกไป เท่านี้ก็เรียบร้อยครับ

ทำปุ่มติดตามในเฟสบุ๊ค (Make Facebook Subscribe Button)

เราสามารถที่จะติดตาม (Subscribe) ความเคลื่อนไหวใน Facebook ของคนอื่นที่ไม่ใช่เพื่อนของเราได้ ถ้าเขาอนุญาติหรือเปิดใช้ฟีเจอร์นี้ โดยเราก็สามารถทำปุ่มติดตามให้คนอื่นที่ไม่ใช่เพื่อนใน Facebook ติดตามความเคลื่อนไหว อัพเดทโพส, ความเห็นต่างๆ, กิจกรรม หรือ ข่าวความเคลื่อนไหวของเรา ในเฟสบุ๊คได้ด้วยเช่นกัน ถ้าต้องการทำปุ่มติดตามให้เราคลิ๊กตามลิงค์นี้ครับ http://www.facebook.com/about/subscribe จะมาที่หน้าเพจ ขอเสนอ ปุ่มติดตาม จากนั้นคลิ๊กที่ปุ่ม Allow Subscriber ที่เป็นปุ่มสีเขียวที่อยู่ด้านขวามือบน เพื่อเป็นการเปิดใช้ฟีเจอร์ตัวนี้ครับ ซึ่งเราสามารถปรับแต่งหรือยกเลิกในภายหลังได้ครับ

การปรับแต่ง Subscribe หรือ ปุ่มติดตาม  สามารถที่จะทำการปรับแต่งค่าต่างๆ เพื่อกำหนดกลุ่มคนที่จะติดตามเรา หรือแม้แต่การยกเลิก ไม่ให้มีปุ่มการติดตามใน Facebook ของเราอีก ก็สามารถทำได้ครับ ให้เข้าไปที่ ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว (Privacy Settings) > คุณเชื่อมต่ออย่างไร (How You Connect) > แก้ไขการตั้งค่า (Edit Settings) > แท็บการติดตาม (Subscribers tab) > ตั้งค่า (Settings)

ในส่วนของการตั้งค่า ก็จะมีหัวข้ออยู่ 4 หัวข้อ คือ
การติดตาม (Subscribers) ตรงนี้เราสามารถเลือกปิด หากเราต้องการยกเลิกการติดตามจากคนอื่นครับ
แสดงความคิดเห็น (Comments) เลือกว่าเราต้องการให้ใครโพสความเห็นได้บ้าง
การแจ้งเตือน (Notifications) การจำกัดการแจ้งเตือนจากเราเมื่อเรามีกิจกรรมใน Facebook
คำร้องขอเป็นเพื่อน (Friend Requests) เลือกว่าเมื่อมีคนที่ติดตามเราต้องการเป็นเพื่อนเราได้ทุกคน หรือต้องเป็นเพื่อนของเพื่อนก่อนเท่านั้น

การเลือกรับข่าวจากเพื่อน ส่วนนี้เพิ่มเติมให้ครับ ในหน้าโปรไฟล์เฟสบุ๊คของเพื่อน เรายังสามารถปรับแต่งหรือเลือกที่จะรับข่าว หรือการอัพเดทโพสจากเพื่อนของเรา ความเคลื่อนไหวต่างๆของเพื่อนเราในเฟสบุ๊ค โดยการปรับแต่งที่ปุ่ม Subscribe คือ การติดตามอัพเดทความเคลื่อนไหวของเพื่อนๆใน Facebook ที่เราต้องการ อย่างเช่น การแบ่งปัน (Share) สิ่งต่างๆ อย่างเช่น สถานะ, ถูกใจ, โพสความคิดเห็น, วีดีโอ, รูปภาพ, ลิงค์ของเว็บไซต์ที่น่าสนใจ, Game ที่เพื่อนเล่น หรือ กิจกรรมต่างๆ เป็นต้น

โดยปกติถ้าเราเป็นเพื่อนกับใคร ค่าเริ่มต้น ของปุ่ม Subscribe หรือ การติดตามจะกำหนดให้เราติดตามทุกอย่างของเพื่อนอยู่แล้ว แต่ถ้าเราเลือกที่อัพเดทข่าว หรือเลือกที่จะไม่อัพเดทโพส, ความเห็นต่างๆ, กิจกรรม หรือ ข่าว จากเพื่อนบางคนก็สามารถเลือกได้จากตรงนี้ครับ คือ คลิ๊กมาหน้าเพจ Facebook เพื่อนคนที่ต้องการ เอาเมาส์ชี้ที่ ปุ่ม Subscribed มุมขวาบน ก็จะมีหัวข้อให้เราเลือกตามต้องการครับ